ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถ

ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการ

สืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ผู้ศึกษา วิรุต นิพัทธ์สกุล

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ 4)เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนบรรพตวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ชุดแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 7 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อประเมินความรู้ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อ 3) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 4)แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาได้ดำเนินการสอนด้วยตนเองใช้เวลาทดลองสอนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าประสิทธิภาพและค่าที (t-test)

ผลการศึกษาพบว่า

1. แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.03/85.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

2. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องแรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7598 ซึ่งหมายความว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 75.98

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าที (t-test) เท่ากับ 43.28

4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.46

โดยสรุปการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง แรงและความดัน โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ตามวงจรการเรียนรู้แบบ 7E กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สามารถนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้นักเรียนเกิดความสนใจในการเรียนและช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นจึงควรสนับสนุนให้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนและเผยแพร่ต่อไป

โพสต์โดย ครูโจอี้ : [14 มิ.ย. 2561 เวลา 14:15 น.]
อ่าน [3689] ไอพี : 49.229.64.147
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 53,213 ครั้ง
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)

เปิดอ่าน 12,915 ครั้ง
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี

เปิดอ่าน 18,628 ครั้ง
คู่มือการอุทธรณ์และการร้องทุกข์และแนววินิจฉัยของ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญสำหรับครู
คู่มือการอุทธรณ์และการร้องทุกข์และแนววินิจฉัยของ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญสำหรับครู

เปิดอ่าน 17,319 ครั้ง
ข่าวดี ! สกัด"ผักติ้ว-สนสามใบ" ยาสู้มะเร็ง ทีมวิจัยไทยเฮทำสำเร็จ
ข่าวดี ! สกัด"ผักติ้ว-สนสามใบ" ยาสู้มะเร็ง ทีมวิจัยไทยเฮทำสำเร็จ

เปิดอ่าน 11,161 ครั้ง
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้  ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้ ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"

เปิดอ่าน 20,685 ครั้ง
ประโยชน์ของมะระ
ประโยชน์ของมะระ

เปิดอ่าน 8,485 ครั้ง
บทบาทผู้นำองค์กร 2020
บทบาทผู้นำองค์กร 2020

เปิดอ่าน 1,591 ครั้ง
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย

เปิดอ่าน 24,516 ครั้ง
มันมือเสือ
มันมือเสือ

เปิดอ่าน 10,902 ครั้ง
ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข
ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข

เปิดอ่าน 11,351 ครั้ง
Toshiba Libretto W100  มินิโน้ตบุ๊ก2จอสัมผัส
Toshiba Libretto W100 มินิโน้ตบุ๊ก2จอสัมผัส

เปิดอ่าน 14,495 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวไทยชนะญี่ปุ่น 3-0 เซต คว้าแชมป์เอเชีย 2013 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวไทยชนะญี่ปุ่น 3-0 เซต คว้าแชมป์เอเชีย 2013 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56

เปิดอ่าน 14,073 ครั้ง
สูตรอาหารแก้ท้องผูก
สูตรอาหารแก้ท้องผูก

เปิดอ่าน 18,265 ครั้ง
ไขปริศนา ทำไม "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ชอบใส่เสื้อ"เหมือนกัน"ทุกวัน
ไขปริศนา ทำไม "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ชอบใส่เสื้อ"เหมือนกัน"ทุกวัน

เปิดอ่าน 36,455 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3

เปิดอ่าน 20,498 ครั้ง
วีดิทัศน์ประกอบการสอนคณิตศาสตร์ชั้น ป.6 โดย สสวท.
วีดิทัศน์ประกอบการสอนคณิตศาสตร์ชั้น ป.6 โดย สสวท.
เปิดอ่าน 96,095 ครั้ง
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒนาการเชาน์ปัญญาของเพียเจต์
เปิดอ่าน 9,968 ครั้ง
ใช้ มือถือ ขณะฝนฟ้าคะนอง จะมีโอกาสโดนฟ้าผ่าได้หรือไม่?
ใช้ มือถือ ขณะฝนฟ้าคะนอง จะมีโอกาสโดนฟ้าผ่าได้หรือไม่?
เปิดอ่าน 8,888 ครั้ง
ป้องกันนร.ลอกข้อสอบ โรงเรียนจีนจัดที่สอบเเนวใหม่ ให้นั่งกลางเเจ้ง
ป้องกันนร.ลอกข้อสอบ โรงเรียนจีนจัดที่สอบเเนวใหม่ ให้นั่งกลางเเจ้ง
เปิดอ่าน 28,926 ครั้ง
"บึงกาฬ" จังหวัดที่ 77 ของไทย
"บึงกาฬ" จังหวัดที่ 77 ของไทย

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ