ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
อัตตราส่วนตรีโกณมิติ

บทคัดย่อ

1. ชื่อเรื่องการวิจัย การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

2. ความสำคัญและที่มาของปัญหาที่ทำการวิจัย

คณิตศาสตร์มีบทบาทสําคัญต่อการพัฒนาการคิดของมนุษย์และความเจริญก้าวหน้าของโลก มนุษย์ใช้คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานในการศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ รวมทั้งใช้คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการคิด การแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นบางปัญหาเราสามารถแก้ได้ง่าย โดยใช้เพียงความรู้หรือประสบการณ์เดิมๆ แม้บางปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนมากจนไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ในทันที ต้องอาศัยความรู้ ทักษะและกระบวนการร่วมกับเทคนิควิธีหลายอย่างในการแก้ปัญหา เราก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ดีและมีประสิทธิภาพ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2555ข : 6) คณิตศาสตร์มีความสําคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ทําให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบมีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนําไปใช้ในชีวิตประจําวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดําเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551: 56) จะเห็นได้ว่า การเรียนรู้ของแต่ละบุคคลเกิดจากการที่ได้พยายามร่วมมือกับผู้อื่นคิดด้วยกัน และพยายามเข้าใจความคิดคนอื่น เพื่อหาข้อยุติหรือข้อสรุป ถ้านักเรียนไม่เคยได้เรียนรู้วิธีทํางานร่วมกับผู้อื่นนักเรียนก็ไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมขั้นสูงสําหรับใช้วิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของผู้อื่นแม้ว่านักเรียนอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น แต่ทักษะสําคัญของชีวิตเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต

ก็คือ ความสามารถทํางานร่วมกับผู้อื่น ต้องได้รับการฝึกทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องอธิบายสิ่งที่ตนเรียนรู้ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ด้วย (อรจรีย์ ณ ตะกัวทุ่ง. 2546: 74-75)

ทักษะดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการกลุม เนื่องด้วยกระบวนการกลุ่มเปนกระบวนการทํางานร่วมกันตั้งแตสองคนขึ้นไปโดยมีวัตถุประสงคและวิธีการดําเนินงานรวมกัน ผูนําและสมาชิกต่างก็ทําหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสมและมีกระบวนการ ทํางานที่ดีเพื่อนำไปสูวัตถุประสงคที่กําหนดไวเปนการเปดโอกาสใหผูเรียนไดเรียนรูกระบวนการทํางานกลุมที่ดีจะทำให้ผูเรียนเกิดทักษะทางสังคมและขยายขอบเขตของการเรียนใหกวางขึ้น (ทิศนาแขมมณี. 2553: 143) ซึ่งพบวา การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการกลุ่มนั้นจะช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมใหเกิดขึ้น ซึ่งมาจากการมีปฏิสัมพันธและยอมรับฟงความคิดเห็นของผู้อื่น โดยความสามารถในการทํางานกลุมนั้นถือเปนพฤติกรรมที่ผูเรียนแสดงออกขณะทํางานกลุม ความคิดเห็นที่มีตอตนเองขณะปฏิบัติงานกลุ่ม ซึ่งความสามารถในการทํางานกลุมนั้นเกิดจากนักเรียนตั้งแตสองคนขึ้นไปมีปฏิสัมพันธตอกันมีแรงจูงใจรวมกันในการทําสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยที่แตละคนในกลุมมีอิทธิพลตอกันและกัน (ประพันธศิริ สุเสารัจ. 2540: 4) โดยแตละคนมีบทบาทหนาที่ที่แตกตางกัน กลาแสดงความคิดเห็นและรับฟงความคิดเห็นของผูอื่นอยางมีเหตุผล อีกทั้งการทํางานกลุมยังสอดคลองกับทักษะการทำงานอย่างรวมพลัง (Collaborative Skills) ซึ่งเปนทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ของเด็กไทย ทําใหเกิดความสามารถอยางเชี่ยวชาญในการทํางานเป็นกลุ่ม เปนทีม แบบรวมมือรวมใจ แบบรวมพลัง ทําใหงานสำเร็จและนักเรียนมีความสุขเปนกระบวนการที่เสริมสรางความเป็นผู้นํา บทบาทสมาชิก และกระบวนการกลุม (พิมพันธ์ เดชะคุปต. 2558: 2) ซึ่งเปนจุดเริ่มตนที่จะทําใหนักเรียนสามารถใชชีวิตรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข โดยเทคนิคกลุ่มร่วมมือช่วยเหลือ (Team Assisted Individualization : TAI) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเรียนแบบร่วมมือ มีการนํามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์กันมาก โดยการเรียนรูปแบบนี้มีจุดประสงค์ที่เน้นการพัฒนาทักษะ ฝึกปฏิบัติ เพราะการเรียนวิชาใด ๆ ที่มีจุดประสงค์เช่นนี้จะมาสอนผู้เรียนรวมกันทั้งชั้นเป็นกลุ่มใหญ่ย่อมไม่ได้ผล และปัญหาที่มักพบ คือ เมื่อครูสอนเนื้อหาไปสักระยะแล้วเด็กที่มีความสามารถทางการเรียนค่อนข้างอ่อนก็ตามไม่ทัน ส่งผลให้เด็กเก่งอาจเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการเรียนเพราะรู้และเข้าใจหมดแล้ว ดังนั้นการเรียนและฝึกฝน ฝึกหัด เป็นกลุ่มเล็ก ๆ เป็นคู่ และฝึกด้วยตนเอง จะเป็่นวิธีที่เหมาะสมมากกว่า ตอบสนองความแตกต่างในความสามารถของผู้เรียนแต่ละคนได้ดี

ผูวิจัยในฐานะครูผูสอนไดจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ โดยในแตละปที่ผานมา พบว่ายังไมประสบความสำเร็จไดดีเทาที่ควร โดยผลการสอบวัดความรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า วิชาคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 24.63 ในปีการศึกษา 2558 และร้อยละ 26.54 ในปีการศึกษา 2559 ซึ่งในภาพรวมยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าพึงพอใจนัก และจากข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากการสอบถามนักเรียน พบวา นักเรียนส่วนใหญยังไมเขาใจและเกิดความเบื่อ หนายจากการเรียนที่ไม่ประสบความสำเร็จของตนเองด้วยพื้นฐานความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้ความต่อเนื่องจนเกิดเป็นทักษะและความเข้าใจในการต่อเนื่องเนื้อหาใหม่ในแต่ละเนื้อหาซึ่งส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากวิธีการจัดการเรียนรูที่การใช้สื่อการเรียนการสอนประกอบยังไม่หลากหลาย และหากนักเรียนไดลงมือปฏิบัติจริงจะสามารถนำมาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ครูเปนผูที่มีบทบาทสําคัญในการจัดประสบการณและการสร้างบรรยากาศในการเรียนรูและเลือกใช้กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาความตองการของผูเรียนคํานึงถึงความพรอมรวมถึงสภาพแวดลอมและตามเจตนารมณของพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.2542 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2545)

ด้วยเหตุนี้จากความสําคัญและเหตุผล ดังที่กล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ เพื่อพัฒนาวิธีการจัดการเรียนรู้และเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลสูงยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนทางคณิตศาสตร์ต่อไป

3. วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย

3.1 เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2

3.2 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ

4. ขอบเขตของการวิจัย

4.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการดำเนินการวิจัยนี้แบ่งออกเป็นขั้นตอนได้ดังนี้

ขั้นการพัฒนา

ประชากร คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์ ที่มีประสบการณ์ด้านการสอนมาแล้วมาไม่น้อยกว่า 10 ปี จบการศึกษาไม่น้อยกว่าระดับปริญญาโท หรือมีตำแหน่งทางวิชาการในระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือ คศ.3 ขึ้นไป

กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์ จำนวน 5 ท่าน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง

ขั้นการทดลอง

ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1/2560 จำนวน 7 ห้องเรียน (ม.5/1, ม.5/4, ม.5/5, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8, ม.5/9) รวมจำนวน 272 คน

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1/2560 จำนวน 1 ห้องเรียน (ม.5/4) รวมจำนวน 45 คน ได้มาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เนื่องจากเป็นวิชาที่ผู้วิจัยเป็นผู้ปฏิบัติการสอน

4.2 ตัวแปรที่วิจัย

ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ

ตัวแปรตาม คือ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้

2. ความพึงพอใจของนักเรียน

4.3 เนื้อหาที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย ประกอบด้วยเนื้อหา ดังต่อไปนี้

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมคล้ายและทฤษฎีบทพีทาโกรัส (2 คาบ)

อัตราส่วนตรีโกณมิติ (3 คาบ)

อัตราส่วนตรีโกณมิติของมุม 30°, 45° และ 60° (3 คาบ)

ความสัมพันธ์ของด้าน ความสัมพันธ์ของมุม และความสัมพันธ์ ระหว่างอัตราส่วนตรีโกณมิติ (2 คาบ)

ค่าของอัตราส่วนตรีโกณมิติของมุมจากตาราง (3 คาบ)

การประยุกต์ของอัตราส่วนตรีโกณมิติ (4 คาบ)

4.4 ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย

เดือน กรกฎาคม 2560 ถึง กันยายน 2560

4.5 สถานที่ที่ใช้ในการวิจัย

โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒

5. นิยามศัพท์เฉพาะ

การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้

ความพึงพอใจในการเรียนรู้

6. กรอบแนวความคิดของการวิจัย

7. วิธีการดำเนินการวิจัย และสถานที่ทำการทดลอง/เก็บข้อมูล

ในการดำเนินการวิจัยในครั้งนี้สามารถอธิบายโดยละเอียด คือ คณะผู้วิจัยออกแบบขั้นตอนการดำเนินการวิจัยออกเป็น 3 ขั้น คือ

ขั้นที่ 1 ขั้นออกแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2

ผู้วิจัยดำเนินการออกแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ เรื่องอัตราส่วนตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 จากนั้นให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความชำนาญด้านการสอนคณิตศาสตร์จำนวน 5 ท่าน เพื่อดำเนินการประเมินกิจกรรมการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการเรียนรู้ จำนวน 3 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นที่ 1 ขั้นนําเข้าสู่บทเรียน ครูแนะนําทักษะในการเรียนรู้ร่วมกันและจัดผู้เรียน

เป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละประมาณ 5 คน จากนั้นแนะนําเกี่ยวกับระเบียบของกลุ่ม บทบาทและหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่ม แจ้งวัตถุประสงค์ของบทเรียนและการทํากิจกรรมร่วมกัน และการฝึกฝนทักษะพื้นฐานจําเป็นสําหรับการทํากิจกรรมกลุ่ม

ขันที่ 2 ขั้นสอนด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ โดยทบทวนสิ่งที่เรียนมาแล้ว หรือศึกษาประเด็น/เนื้อหาใหม่ โดยการอภิปราย สรุปข้อความรู้หรือถามตอบ แนะนําแหล่งข้อมูลและมอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยการทํากิจกรรมเล่มใบงานตามหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนด ผู้เรียนในกลุ่มต่างคอยให้คําแนะนําและตรวจสอบงานของกันและกัน เมื่อทําใบงานเสร็จแล้วจึงแลกเปลี่ยนกันตรวจ และอธิบายข้อสงสัยตลอดจนข้อผิดพลาดของสมาชิกกลุ่มตนเอง ในการตรวจคำตอบหากสมาชิกทุกคนทําได้ถูกต้องร้อยละ 75 ขึ้นไปถึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์

หากสมาชิกคนใดในกลุ่มยังไม่ผ่านเกณฑ์ สมาชิกคนที่ผ่านเกณฑ์แล้วมีหน้าที่ช่วยอธิบายให้กับสมาชิกที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์จนเข้าใจและได้แก้ไขใหม่จนผ่านเกณฑ์

ในระหว่างที่ผู้เรียนช่วยกันเรียนภายในกลุ่ม ครูจะใช้เวลานี้ทยอยเรียกผู้ที่เรียน

จากกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความสามารถระดับใกล้ เคียงกันมาพบครู เช่น เรียกเด็กที่เรียนเก่งในแต่ละกลุ่ม

เรียกเด็กที่เรียนปานกลางในแต่ละกลุ่ม และเรียกเด็กที่เรียนอ่อนในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ความรู้

เสริมเพิ่มเติมให้เหมาะกับความสามารถของผู้เรียน การใช้สื่อและวิธีการอธิบายของครูอาจแตกต่างกันไปให้เหมาะกับระดับความสามารถของผู้เรียนแต่ละกลุ่มที่ครูทยอยเรียกมา หลังจากผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตัวเอง ได้เรียนร่วมกันกับเพื่อนในกลุ่ม และได้เรียนกับครูในกลุ่มย่อยแล้วเมื่อจบหน่วยการเรียนนั้นครูจะประเมินในสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไปทั้งหมด ผู้เรียนทุกคนทําการทดสอบแล้วนําคะแนนผลการทดสอบของแต่ละคนมารวมกันเป็นคะแนนกลุ่ม หรือใช้คะแนนเฉลี่ย (กรณีจํานวนคนแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน) กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดได้รับรางวัลหรือติดประกาศชมเชย

ขันที่ 3 ขั้นสรุป ครู และผู้เรียนช่วยกันสรุปบทเรียน ถ้ามีสิ่งที่ผู้เรียนยังไม่เข้าใจ ครูจะทำหน้าที่อธิบายเพิ่มเติม โดยการยกตัวอย่าง สาธิต การถามตอบ และช่วยกันประเมินผลการกลุ่ม รวมถึงนําผลงานกลุ่มติดป้ายนิเทศเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

จากข้อมูลส่วนนี้ผู้วิจัยดำเนินการจัดทำแบบประเมินคุณภาพโดยเป็นแบบประเมินคุณภาพ 5 ระดับ ประเมินคุณภาพและความเหมาะสมของกิจกรรมการจัดการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้วิจัยออกแบบขึ้น จำนวน 6 แผนการเรียนรู้ ได้แก่

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมคล้ายและทฤษฎีบทพีทาโกรัส (2 คาบ)

อัตราส่วนตรีโกณมิติ (3 คาบ)

อัตราส่วนตรีโกณมิติของมุม 30°, 45° และ 60° (3 คาบ)

ความสัมพันธ์ของด้าน ความสัมพันธ์ของมุม และความสัมพันธ์ ระหว่างอัตราส่วนตรีโกณมิติ (2 คาบ)

ค่าของอัตราส่วนตรีโกณมิติของมุมจากตาราง (3 คาบ)

การประยุกต์ของอัตราส่วนตรีโกณมิติ (4 คาบ)

ขั้นที่ 2 ขั้นพัฒนาเล่มใบงานเพื่อใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในขั้นสอนด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ

ผู้วิจัยดำเนินการพัฒนาเล่มใบงานและคู่มือประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบด้วยเนื้อหา จำนวน 6 หัวข้อ ดังนี้

1) ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมคล้ายและทฤษฎีบทพีทาโกรัส

2) อัตราส่วนตรีโกณมิติ

3) อัตราส่วนตรีโกณมิติของมุม 30°, 45° และ 60°

4) ความสัมพันธ์ของด้าน ความสัมพันธ์ของมุม และความสัมพันธ์ ระหว่างอัตราส่วนตรีโกณมิติ

5) ค่าของอัตราส่วนตรีโกณมิติของมุมจากตาราง

6) การประยุกต์ของอัตราส่วนตรีโกณมิติ

จากนั้นนำเล่มใบงานและเล่มคู่มือประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์ จำนวน 5 ท่าน ประเมินคุณภาพของเนื้อหาและคู่มือ โดยขั้นตอนนี้ผู้วิจัยใช้แบบประเมินคุณภาพสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นแบบประเมินค่า 5 ระดับ จากนั้นนำแบบประเมินที่ได้มาสรุปและแก้ไขตามข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน ก่อนนำไปใช้ในการดำเนินการจัดกิจกรรม

ขั้นที่ 3 ขั้นการดำเนินการทดลอง

ผู้วิจัยดำเนินการทดลองตามขั้นตอนกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่ง ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ซึ่งดำเนินการตามเนื้อหาในแต่ละหัวข้อจนครบทุกหัวข้อ จากนั้นดำเนินการวัดและประเมินผลผู้เรียนด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบวัดพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิคกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือช่วยเหลือ

จากนั้นผู้วิจัยดำเนินการรวมรวบข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ จากนั้นสรุปผลข้อมูลและอภิปรายผลข้อมูลการวิจัยโดยละเอียด

8. บรรณานุกรม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555ข : 6). ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร. กรุงเทพฯ: ส.เจริญการพิมพ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551: 56). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.

อรจรีย์ ณ ตะกัวทุ่ง. (2546: 74-75). คู่มือปฏิบัติ “การเรียนการสอนยุคใหม่”. กรุงเทพฯ: เอ็กซเปอร์เน็ท.

ทิศนา แขมมณี. (2553: 143). ศาสตรการสอน องคความรูเพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.

ประพันธศิริ สุเสารัจ. (2540: 4). “กระบวนการกลุม”ทฤษฎีการเรียนรูแบบมีสวนรวม. กรุงเทพฯ: สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาติ.

พิมพันธ์ เดชะคุปต. (2558: 2). การจัดการเรียนรูในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โรงพิมพแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.

โพสต์โดย กลม : [9 มิ.ย. 2561 เวลา 16:25 น.]
อ่าน [3624] ไอพี : 171.97.46.122
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 20,918 ครั้ง
กองทัพเรือไทย
กองทัพเรือไทย

เปิดอ่าน 11,783 ครั้ง
8 วินัยใหม่เพิ่มเงินเก็บทั้งปี
8 วินัยใหม่เพิ่มเงินเก็บทั้งปี

เปิดอ่าน 14,351 ครั้ง
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?

เปิดอ่าน 19,478 ครั้ง
7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง
7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง

เปิดอ่าน 15,136 ครั้ง
ชา จริงๆ แล้วดีกว่าน้ำ
ชา จริงๆ แล้วดีกว่าน้ำ

เปิดอ่าน 14,866 ครั้ง
ศิลปะและสิ่งแวดล้อม
ศิลปะและสิ่งแวดล้อม

เปิดอ่าน 7,408 ครั้ง
แนะวิธีซื้อสมาร์ทโฟนอย่างคุ้มค่า
แนะวิธีซื้อสมาร์ทโฟนอย่างคุ้มค่า

เปิดอ่าน 12,957 ครั้ง
วิทยาศาสตร์น่าทึ่ง ทำเองได้ที่บ้าน
วิทยาศาสตร์น่าทึ่ง ทำเองได้ที่บ้าน

เปิดอ่าน 13,020 ครั้ง
ชมคลิปวิดีโอการบรรยายเรื่อง "หลักการ พ.ร.บ.Undo" โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
ชมคลิปวิดีโอการบรรยายเรื่อง "หลักการ พ.ร.บ.Undo" โดยผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

เปิดอ่าน 8,449 ครั้ง
ยูฟ่าประกาศห้ามทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดบอลยูโร
ยูฟ่าประกาศห้ามทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดบอลยูโร

เปิดอ่าน 10,845 ครั้ง
5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก
5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 36,235 ครั้ง
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่

เปิดอ่าน 14,723 ครั้ง
นาคเล่นน้ำ
นาคเล่นน้ำ

เปิดอ่าน 18,892 ครั้ง
แชร์ว่อนเน็ต "บ้านหนูบ่ได้บ้านนอกเด้อ" โดยสาวสวย รักและภาคภูมิใจบ้านเกิด
แชร์ว่อนเน็ต "บ้านหนูบ่ได้บ้านนอกเด้อ" โดยสาวสวย รักและภาคภูมิใจบ้านเกิด

เปิดอ่าน 1,178 ครั้ง
Water Fasting คืออะไร ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ ดีต่อสุขภาพหรือเปล่า
Water Fasting คืออะไร ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ ดีต่อสุขภาพหรือเปล่า

เปิดอ่าน 13,584 ครั้ง
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ในแต่ละปี
เปิดอ่าน 41,255 ครั้ง
คำแนะนำสำหรับนักเรียน และ ครูผู้สอน ในการสอบ O-NET วิชาภาษาไทย รูปแบบข้อสอบอัตนัย
คำแนะนำสำหรับนักเรียน และ ครูผู้สอน ในการสอบ O-NET วิชาภาษาไทย รูปแบบข้อสอบอัตนัย
เปิดอ่าน 13,180 ครั้ง
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์
เปิดอ่าน 9,913 ครั้ง
7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน
7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน
เปิดอ่าน 24,247 ครั้ง
Minions Banana Song ที่กำลังฮิตกันทั่วโลก
Minions Banana Song ที่กำลังฮิตกันทั่วโลก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ