ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานผลการการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้โ

ชื่อผลงาน รายงานผลการการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้โมเดลซิปปา(CIPPA Model)

ผู้รายงาน นางณภัทรรพินทร์ บรรเทิง

ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2559

บทคัดย่อ

รายงานผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 เรื่องความน่าจะเป็นโดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ในครั้งนี้ ใช้เทคนิคการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น โดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA Model) เปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ หลังการพัฒนากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และเปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ก่อนและหลังเรียนโดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA Model) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนาเยียศึกษา รัชมังคลาภิเษก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนนาเยียศึกษา รัชมังคลาภิเษก ปีการศึกษา 2559 จำนวน 35 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนปฐมนิเทศ จำนวน 1 แผน, แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA Model) เรื่องความน่าจะเป็นจำนวน 10 แผน และแผนที่ใช้ทดสอบท้ายวงจรที่1,2 และทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน จำนวน 3 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบบันทึกผลหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนนักเรียนรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานและประเมินผลงานกลุ่ม และแบบทดสอบท้ายวงจร และ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

รูปแบบที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ดำเนินการตามหลักของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นวางแผน 2) ขั้นปฏิบัติการ 3) ขั้นสังเกตการณ์ และ 4) ขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ โดยแบ่งวงจรการปฏิบัติเป็น 2 วงจร คือวงจรที่ 1 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1-4 และวงจรที่ 2 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 – 10 ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย คือขั้นวางแผน ผู้วิจัยศึกษาสภาพปัญหา ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องและสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ขั้นปฏิบัติการ ผู้วิจัยดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม แผนการจัดการเรียนรู้ ขั้นสังเกตการณ์ ผู้วิจัยสังเกตรวบรวมข้อมูลจากการเรียนการสอนโดยใช้แบบบันทึกการเรียนระหว่างเรียน ขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ ผู้วิจัยวิเคราะห์ ประเมิน สรุป และเสนอแนะการจัดกิจกรรมในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกันกับผู้เรียน เพื่อปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ผลการวิจัย พบว่า

1. การปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใช้โมเดลซิปปา(CIPPA Model) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากการใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการหาประสิทธิภาพจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ได้แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน แล้วปฏิบัติการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เก็บรวบรวมข้อมูล แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อดีและข้อบกพร่อง เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงผลการปฏิบัติการ จนได้กิจกรรมการสอนที่มีประสิทธิภาพ โดยครูมีการจัดการเรียนรู้แบบโมเดลซิปปา(CIPPA Model) มี 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นนำ/ทบทวนความรู้เดิม

2) ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่และทำความเข้าใจข้อมูลเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ 3) ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม 4) ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ 5) ขั้นแสดงผลงาน และ

6) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ จากการปฏิบัติการ พบว่า การจัดการเรียนรู้แบบโมเดลซิปปา(CIPPA Model) ช่วยให้นักเรียนได้รู้จักใช้ความรู้เดิมที่มีมาแสวงหาความรู้เพิ่มเติม โดยการศึกษาเอกสารและการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่น แล้วนำความรู้นั้นมาจัดระเบียบเพื่อให้เกิดเป็นความรู้ที่คงทน สามารถนำไปปฏิบัติงานหรือนำความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ได้ฝึกแสดงความคิดเห็น ฝึกฝนให้เป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น นักเรียนได้ทำงานเป็นกลุ่มได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากข้อมูลการสอบถามพบว่า นักเรียนรู้สึกสนุกสนานและชื่นชอบการจัดกิจกรรมการเรียน เพราะช่วยให้นักเรียนกลุ่มที่อ่อนจะกล้าถามเรื่องที่ไม่เข้าใจจากสมาชิกในกลุ่มที่เก่งกว่า และกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของตนเองมากขึ้นด้วย การนำเสนอผลงานและการจัดแสดงผลงานทำให้นักเรียนมีความภาคภูมิใจในตนเอง และเห็นจุดที่ควรพัฒนาผลงานให้ดีขึ้น การทดสอบย่อยทำให้นักเรียนมีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียน พยายามที่จะทำให้ได้คะแนนที่ดีขึ้น และได้รับคำยกย่องชมเชยจากครูผู้สอน ผลปรากฏว่า การจัดการเรียนรู้แบบโมเดลซิปปา(CIPPA Model) สามารถพัฒนาผลการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ได้ดีขึ้น

2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังการปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้โมเดลซิปปา(CIPPA Model) กับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม พบว่า หลังปฏิบัติการมีคะแนนสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ตั้งเกณฑ์วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ นักเรียนมีคะแนนการทดสอบผ่านเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติการผู้วิจัยได้ประเมินผลการปฏิบัติการ โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลปรากฏว่า มีนักเรียนร้อยละ 94.28 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ที่มีคะแนนการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

โพสต์โดย ส้มโอ : [8 พ.ค. 2561 เวลา 13:57 น.]
อ่าน [4218] ไอพี : 49.49.114.90
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,835 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไม่มีวันสำเร็จ ถ้าไม่รื้อรากความงมงาย
ปฏิรูปการศึกษาไม่มีวันสำเร็จ ถ้าไม่รื้อรากความงมงาย

เปิดอ่าน 50,001 ครั้ง
GPS คืออะไร
GPS คืออะไร

เปิดอ่าน 15,080 ครั้ง
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว

เปิดอ่าน 42,991 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)

เปิดอ่าน 22,955 ครั้ง
ผักแว่น...ผักพื้นบ้านแต่มีคุณค่า
ผักแว่น...ผักพื้นบ้านแต่มีคุณค่า

เปิดอ่าน 12,483 ครั้ง
7 วิธีเติมความมีชีวิตชีวาให้ชีวิต
7 วิธีเติมความมีชีวิตชีวาให้ชีวิต

เปิดอ่าน 8,006 ครั้ง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!

เปิดอ่าน 41,613 ครั้ง
โปรแกรมฝึกอ่านอังกฤษออนไลน์ใครก็เรียนได้ไม่เสียสตางค์กวดวิชา
โปรแกรมฝึกอ่านอังกฤษออนไลน์ใครก็เรียนได้ไม่เสียสตางค์กวดวิชา

เปิดอ่าน 3,594 ครั้ง
ปลูก กล้วยน้ำว้านวลจันทร์ สายพันธุ์ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ปลูก กล้วยน้ำว้านวลจันทร์ สายพันธุ์ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

เปิดอ่าน 11,775 ครั้ง
ผู้บริหารการศึกษาควรได้รับการปฏิรูปก่อน
ผู้บริหารการศึกษาควรได้รับการปฏิรูปก่อน

เปิดอ่าน 3,012 ครั้ง
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เปิดอ่าน 18,223 ครั้ง
พระลักษมี
พระลักษมี

เปิดอ่าน 16,677 ครั้ง
สรรพคุณของ "เสลดพังพอนตัวผู้"
สรรพคุณของ "เสลดพังพอนตัวผู้"

เปิดอ่าน 14,513 ครั้ง
ครูจีนสุดโหด! ตบเด็กอนุบาลไม่ยั้ง โมโหตอบโจทย์เลขไม่ได้
ครูจีนสุดโหด! ตบเด็กอนุบาลไม่ยั้ง โมโหตอบโจทย์เลขไม่ได้

เปิดอ่าน 9,889 ครั้ง
เติมน้ำมันให้คุ้มที่สุด
เติมน้ำมันให้คุ้มที่สุด

เปิดอ่าน 22,167 ครั้ง
บุญบั้งไฟ
บุญบั้งไฟ
เปิดอ่าน 9,991 ครั้ง
ดูฟรี! เฉลยข้อสอบฟิสิกส์เข้ามหาวิทยาลัยทาง online
ดูฟรี! เฉลยข้อสอบฟิสิกส์เข้ามหาวิทยาลัยทาง online
เปิดอ่าน 34,169 ครั้ง
เบกกิ้งโซดา กับ 10 คุณประโยชน์ที่คนรักสุขภาพต้องร้องว้าว
เบกกิ้งโซดา กับ 10 คุณประโยชน์ที่คนรักสุขภาพต้องร้องว้าว
เปิดอ่าน 28,130 ครั้ง
3 แหล่งเรียนรู้เด็ดให้เก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ
3 แหล่งเรียนรู้เด็ดให้เก่งภาษาอังกฤษขั้นเทพ
เปิดอ่าน 54,879 ครั้ง
เลี้ยง-เล่นอย่างสร้างสรรค์ “สมาธิสั้น” รับมือได้
เลี้ยง-เล่นอย่างสร้างสรรค์ “สมาธิสั้น” รับมือได้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ