ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานผลการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและ แรงจูงใจ ใฝ่สัมฤ

ผู้ศึกษา รัศมีเดือน ทับเอี่ยม

ปีการศึกษา 2559

บทคัดย่อ

ผลการพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจ ใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 80/80 2) หาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัด การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้วิธีกาจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R

กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสาธิตเทศบาลนครระยอง(วัดตรีรัตนาราม) จังหวัดระยอง จำนวน 29 คน ที่ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้วิธีจับฉลากเลือกมา 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์โดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 แผน รวม 20 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.40 – 0.57 ค่าอำนาจจำแนก (D) อยู่ระหว่าง 0.40 – 0.90 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.85 3) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีลักษณะข้อสอบแบบอัตนัย จำนวน 5 ข้อ ที่มีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.62 – 0.67 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.46 – 0.63 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.87 และ 4) แบบวัดแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด ประกอบด้วยข้อคำถามจำนวน 15 ข้อ ที่มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 3.196 ถึง 11.180 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.84 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 3.60 ถึง 13.00 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.82 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test

ผลการศึกษาพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.33/88.18 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7866 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน คิดเป็นร้อยละ 78.66 3) ความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 19.14 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.18 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 35.97 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.80 สรุปได้ว่าความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 4) ความสามารถด้านการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 43.31 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 6.19 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 87.48 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 6.65 สรุปได้ว่าความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 5) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 79.25 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.16 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 131.15 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.60 สรุปได้ว่าแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ และ 5) ความพึงพอใจต่อการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้วิธีกาจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ SQ4R โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.51, S.D. = .06) และเมื่อพิจารณาด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยมากไปน้อย พบว่า ด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, S.D. = .04) รองลงมาคือ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก ( = 4.48, S.D. = .04) และลำดับสุดท้ายคือด้านบรรยากาศการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก ( = 4.46, S.D. = .05)

โพสต์โดย ยุ : [18 ก.พ. 2561 เวลา 13:45 น.]
อ่าน [3698] ไอพี : 124.121.194.216
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,296 ครั้ง
"พันธุกรรม"ทำให้ คนลดน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน
"พันธุกรรม"ทำให้ คนลดน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน

เปิดอ่าน 9,547 ครั้ง
วัสดุหลักที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตโน้ตบุ๊กมีชนิดใดบ้าง
วัสดุหลักที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตโน้ตบุ๊กมีชนิดใดบ้าง

เปิดอ่าน 37,460 ครั้ง
มุมกล้องกับช่องว่าง
มุมกล้องกับช่องว่าง

เปิดอ่าน 20,858 ครั้ง
"ผักชี" ผักพิฆาตอธรรม
"ผักชี" ผักพิฆาตอธรรม

เปิดอ่าน 9,103 ครั้ง
เผยรายชื่อ 10 ประเทศที่ประกาศแบนเฟซบุ๊ก
เผยรายชื่อ 10 ประเทศที่ประกาศแบนเฟซบุ๊ก

เปิดอ่าน 15,634 ครั้ง
10 ลักษณะนิสัยแห่งผู้ประสบความสำเร็จ
10 ลักษณะนิสัยแห่งผู้ประสบความสำเร็จ

เปิดอ่าน 24,641 ครั้ง

'ฟ้าทะลายโจร' สุดยอดสมุนไพรแห่งปี

เปิดอ่าน 9,986 ครั้ง
ขีปนาวุธเร็วกว่าเสียง
ขีปนาวุธเร็วกว่าเสียง

เปิดอ่าน 14,030 ครั้ง
7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยา
7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยา

เปิดอ่าน 9,684 ครั้ง
ภูกระดึงเปิดฤดูท่องเที่ยว รับอากาศเย็น 1 ต.ค.นี้
ภูกระดึงเปิดฤดูท่องเที่ยว รับอากาศเย็น 1 ต.ค.นี้

เปิดอ่าน 3,918 ครั้ง
เงินเฟ้อ คืออะไร
เงินเฟ้อ คืออะไร

เปิดอ่าน 29,780 ครั้ง
โรงเรียนต้องปรับตัวอย่างไร เมื่อโควิด-19 รุกรานการศึกษา
โรงเรียนต้องปรับตัวอย่างไร เมื่อโควิด-19 รุกรานการศึกษา

เปิดอ่าน 15,601 ครั้ง
สื่อดิจิทัล “Learning Object” ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว
สื่อดิจิทัล “Learning Object” ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว

เปิดอ่าน 11,294 ครั้ง
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0
"เลี้ยง"ต้องแบบไหน? "ลูกยุคดิจิตอล" ข้ามวิกฤต..สู่ไทย 4.0

เปิดอ่าน 10,418 ครั้ง
จิบเครื่องดื่มให้ถูกจังหวะ ก็แก้ปัญหาสุขภาพได้
จิบเครื่องดื่มให้ถูกจังหวะ ก็แก้ปัญหาสุขภาพได้

เปิดอ่าน 11,161 ครั้ง
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้  ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้ ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"
เปิดอ่าน 11,027 ครั้ง
6 ท่าฟิต&เฟิร์ม ระบบประสาท สมอง
6 ท่าฟิต&เฟิร์ม ระบบประสาท สมอง
เปิดอ่าน 23,666 ครั้ง
ประวัติ ความเป็นมาของ "วันเด็กแห่งชาติ"
ประวัติ ความเป็นมาของ "วันเด็กแห่งชาติ"
เปิดอ่าน 17,655 ครั้ง
ชื่นฉ่ำกับผลไม้ประจำฤดูกาล
ชื่นฉ่ำกับผลไม้ประจำฤดูกาล
เปิดอ่าน 12,157 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ