ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
หัวข้อวิจัย การพัฒนารูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริม ประสบการณ์พัฒนาทักษะการ

บทคัดย่อ

หัวข้อวิจัย การพัฒนารูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริม

ประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2

ผู้วิจัย นางกาญจนา จิตรสำรวย

ปีที่ทำการวิจัย ๒๕๕๘

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการพัฒนารูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 2) เพื่อศึกษาสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ๓) เพื่อศึกษาความสุขในการทำงานของครูที่มีต่อรูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 4) เพื่อศึกษาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้หนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 5) เพื่อศึกษาความสุขในการเรียนรู้ภายหลังการใช้หนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2

ประชากร และกลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ๑) ประชากร คือ ๑.๑) ครู ครูที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ครูจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 จากโรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 90 โรงเรียน ๆ ละ 1 คน เป็นครูผู้สอนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4จำนวน 90 คนและใช้ครูเป็นหน่วยวิเคราะห์ (Unit of Analysis) ๑.๒) นักเรียน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งโรงเรียนที่มีครูมาร่วมในการพัฒนาสมรรถนะ ในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่านการเขียนภาษาไทยโดยพิจารณาเห็นว่านักเรียนในชั้นดังกล่าวไม่ต้องเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบทางการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน(O – NET , NT, LAS) ๒) กลุ่มตัวอย่าง คือ ๒.๑) ครู ครูที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ครูจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 จากโรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 90 โรงเรียน ๆ ละ 1 คน เป็นครูผู้สอนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4จำนวน 90 คนและใช้ครูเป็นหน่วยวิเคราะห์ (Unit of Analysis) ๒.๒) นักเรียน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งโรงเรียนที่มีครูมาร่วมในการพัฒนาสมรรถนะ ในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่านการเขียนภาษาไทยโดยพิจารณาเห็นว่านักเรียนในชั้นดังกล่าวไม่ต้องเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบทางการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน(O – NET , NT, LAS) โดยการจับฉลากโรงเรียนละ ๕ คน จำนวน ๔๕๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ๑) แบบตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการนิเทศ 2) ตัวอย่างหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย 3) คู่มือการนิเทศการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ ๔) แบบทดสอบความรู้ของครู เรื่องการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ 5) แบบประเมินทักษะของครูในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ ๖) แบบวัดเจตคติของครูในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ 7) แบบวัดความสุขในการทำงานของครูผู้รับการนิเทศ 8) แบบประเมินทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 9) แบบวัดความสุขในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 การวิเคราะห์ข้อมูล 1) การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ผู้วิจัยได้นำข้อมูลไปตรวจสอบเบื้องต้น ลงรหัสแล้วนำไปคำนวณหาค่าทางสถิติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ มีสถิติสำหรับการวิเคราะห์ดังนี้ คือการหาค่าความถี่ (frequency) ร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) 2) สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐาน เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความรู้ของครู เรื่องการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ จากการทำแบบทดสอบระหว่างก่อนรับการนิเทศกับหลังรับการนิเทศ ใช้ค่าแจกแจง t แบบ Dependent Samples (โกวิท ประวาลพฤกษ์. 2538 : 120) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 แบบไอกาน IKAN Supervisory Clinic มีกระบวนการนิเทศ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน (Inspiration) 2) การให้ความรู้ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ( Knowledge Sharing) 3) การนิเทศให้คำแนะนำช่วยเหลือ (Advisory sharing) 4) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านเครือข่าย (Network sharing)

ผลการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการนิเทศ ก่อนการนำรูปแบบการนิเทศไปใช้ พบว่า ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมผลการประเมินมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.91, S.D. = 0.03) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ทุกข้อมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.80 - 5.00 และผลการประเมินความสอดคล้องของรูปแบบการนิเทศเสริมสร้างสมรรถนะในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.๐๐ ทุกข้อ แสดงว่ารูปแบบการนิเทศสามารถนำไปใช้ในการนิเทศได้ สรุปว่า รูปแบบการนิเทศที่พัฒนามีความเหมาะสม สอดคล้องและมีความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี และมีความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพ

2. ผลการประเมินสมรรถนะครูในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่านการเขียนของนักเรียน พบว่า ก่อนและหลังใช้รูปแบบการนิเทศแตกต่างกัน

2.1 สมรรถนะครูในการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่านการเขียน

ด้านความรู้

ผลการประเมินความรู้ด้านการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ของครูผู้รับการนิเทศ พบว่า ก่อนรับการนิเทศมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 19.46 และหลังรับการนิเทศมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 26.32 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนรับการนิเทศกับคะแนนหลังรับการนิเทศ พบว่า คะแนนความรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนหลังรับการนิเทศของครูสูงกว่าก่อนรับการนิเทศอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ด้านทักษะ

ผลการประเมินด้านทักษะการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ ปรากฏว่า

โดยภาพรวมครูมีทักษะการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับดี (x̄ = 4.46, S.D. = 0.18) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่ามีทักษะการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับดีถึงดีมาก มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.28 - 4.72 โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ปกหนังสือสวยงามน่าสนใจ มีทักษะการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับดีมาก ( x̄= 4.72, S.D. = 0.45) และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ เนื้อหามีความเหมาะสมกับผู้อ่าน มีทักษะการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับดี ( x̄= 4.28, S.D. = 0.60)

ด้านเจตคติ

เจตคติของครูที่มีต่อการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์ ปรากฏว่าโดยภาพรวมครูมีเจตคติต่อการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.51, S.D. = 0.15) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่าครูมีเจตคติต่อการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.22 - 4.70 โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ หลังใช้หนังสือเสริมประสบการณ์นักเรียนมีพัฒนาการด้านทักษะการอ่านการเขียนมากขึ้น มีเจตคติต่อการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.70, S.D. = 0.55) และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ การออกแบบการสอนโดยใช้หนังสือเสริมประสบการณ์ ช่วยให้ครูมีเป้าหมายในการพัฒนานักเรียนอย่างชัดเจน มีเจตคติต่อการจัดทำหนังสือเสริมประสบการณ์อยู่ในระดับดี (x̄ = 4.22, S.D. = 0.41)

2.2 ผลการศึกษาความสุขในการทำงานของครูผู้รับการนิเทศตามขั้นตอนการนิเทศ ที่มีต่อรูปแบบการนิเทศแบบไอกาน IKAN Supervisory Clinic หลังการใช้รูปแบบการนิเทศ พบว่า ครูผู้รับการนิเทศมีความสุขในการทำงานตามขั้นตอนของการนิเทศแบบไอกาน IKAN Supervisory Clinic โดยรวมมีความสุขในการทำงานอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.50, S.D. = 0.08) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ปรากฏว่าครูมีความสุขในการทำงาน อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.42 - 4.65 โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านรักการเรียนรู้และพัฒนา มีความสุขในการทำงาน อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.65, S.D. = 0.24) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านความรักในงาน มีความสุขในการทำงาน อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.42, S.D. = 0.10)

2.3 ผลการพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนของนักเรียน ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทักษะการอ่านการเขียนของนักเรียน ก่อนและหลังใช้รูปแบบการนิเทศแตกต่างกัน โดยนักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทักษะการอ่านการเขียน หลังใช้รูปแบบการนิเทศสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการนิเทศ

ด้านทักษะการอ่าน

ผลการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนด้านทักษะการอ่าน จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนกับหลังเรียน ซึ่งพบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 10.30 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.22 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียน พบว่า คะแนนทักษะด้านการอ่านหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ด้านทักษะการเขียน

ผลการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนด้านทักษะการเขียน

จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนกับหลังเรียน ซึ่งพบว่า ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 10.29 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.30 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนเรียนกับคะแนนหลังเรียน พบว่า คะแนนทักษะด้านการเขียนหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2.4 ผลการศึกษาความสุขในการเรียนรู้ของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ทักษะการอ่านการเขียนของครูภาษาไทยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศแบบไอกาน IKAN Supervisory Clinic พบว่า นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้ต่อการจัดการเรียนรู้ทักษะการอ่านการเขียนของครูภาษาไทย อยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณาลำดับที่ของรายการประเมินความสุขต่อการจัดการเรียนรู้ของครูภาษาไทยตามลำดับค่าเฉลี่ย พบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาที่เรียนโดยใช้หนังสือเสริมประสบการณ์พัฒนาทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 มีความสุขในการเรียนรู้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.53, S.D. = 0.18) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่านักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.42-4.59 โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านเกี่ยวกับวิชาเรียน ( x̄= 4.59, S.D. = 0.31) และด้านเกี่ยวกับความสัมพันธภาพกับคนอื่น (x̄ = 4.59, S.D. = 0.18) ซึ่งทั้ง 2 ด้านมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน โดยมีความสุขในการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านเกี่ยวกับบรรยากาศในการเรียน มีความสุขในการเรียนรู้ระดับมาก ( x̄= 4.42, S.D. = 0.18)

โพสต์โดย prnst2 : [24 เม.ย. 2560 เวลา 07:33 น.]
อ่าน [3831] ไอพี : 202.29.214.217
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 70,091 ครั้ง
การตรวจสอบวุฒิการศึกษา
การตรวจสอบวุฒิการศึกษา

เปิดอ่าน 14,073 ครั้ง
สูตรอาหารแก้ท้องผูก
สูตรอาหารแก้ท้องผูก

เปิดอ่าน 41,437 ครั้ง
ฟังก์ชันของ exponential
ฟังก์ชันของ exponential

เปิดอ่าน 18,719 ครั้ง
MPEG คืออะไร
MPEG คืออะไร

เปิดอ่าน 8,843 ครั้ง
ศัลยกรรมพลิกชีวิต ในรายการวีไอพี
ศัลยกรรมพลิกชีวิต ในรายการวีไอพี

เปิดอ่าน 10,431 ครั้ง
Facebook และ Twitter ใช้ยิ่งมาก...สุขภาพยิ่งดีกว่านะ
Facebook และ Twitter ใช้ยิ่งมาก...สุขภาพยิ่งดีกว่านะ

เปิดอ่าน 40,240 ครั้ง
นักเทคโนโลยีการศึกษา
นักเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 19,763 ครั้ง
สมุนไพรไทยลดความอ้วน ลดไขมัน ตัวช่วยเพื่อหุ่นสวยเป๊ะ
สมุนไพรไทยลดความอ้วน ลดไขมัน ตัวช่วยเพื่อหุ่นสวยเป๊ะ

เปิดอ่าน 58,719 ครั้ง
6 ผัก-ผลไม้ ที่กินแล้วดี ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลแถมคุมความดัน
6 ผัก-ผลไม้ ที่กินแล้วดี ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลแถมคุมความดัน

เปิดอ่าน 41,649 ครั้ง
มิติของเทคโนโลยีการศึกษากับการสอนทางไกล
มิติของเทคโนโลยีการศึกษากับการสอนทางไกล

เปิดอ่าน 20,195 ครั้ง
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน

เปิดอ่าน 51,558 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561

เปิดอ่าน 10,154 ครั้ง
หนุ่มสาวออฟฟิศ ระวังหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว
หนุ่มสาวออฟฟิศ ระวังหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว

เปิดอ่าน 26,738 ครั้ง
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

เปิดอ่าน 27,625 ครั้ง
ข้อสอบ O-NET รูปแบบอัตนัย ภาษาไทย ป.6 มีจำนวนกี่ข้อ กี่คะแนน และออกเนื้อหาอะไรบ้าง
ข้อสอบ O-NET รูปแบบอัตนัย ภาษาไทย ป.6 มีจำนวนกี่ข้อ กี่คะแนน และออกเนื้อหาอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 77,094 ครั้ง
Parts of Speech    Sentence   Phrase   Clause
Parts of Speech Sentence Phrase Clause
เปิดอ่าน 16,043 ครั้ง
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เปิดอ่าน 15,492 ครั้ง
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
เปิดอ่าน 17,936 ครั้ง
การสร้างจิตรกรรมฝาผนังของช่างไทยในสมัยโบราณ
การสร้างจิตรกรรมฝาผนังของช่างไทยในสมัยโบราณ
เปิดอ่าน 15,133 ครั้ง
ประโยชน์ของ "ตะไคร้หอม"
ประโยชน์ของ "ตะไคร้หอม"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ