|
|
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ 2) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู โรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยวิธีการ 2.1) ประเมินสมรรถภาพในการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศ 2.2) ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้นิเทศ 2.3) ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการของครูผู้รับการนิเทศ 2.4) ประเมินสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้รับการนิเทศ 2.5) ประเมินความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายใน ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร ที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ครูและนักเรียนโรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ ประกอบด้วยครูผู้สอน จำนวน 35 คน นักเรียน จำนวน 613 คน กลุ่มตัวอย่าง เป็นครูผู้สอนจำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ละ 2 คน เลือกโดยการสุ่มแบบอาสาสมัคร (Volunteers Sampling) จำแนกเป็น ครูผู้นิเทศ จำนวน 5 คน มี 2 คนที่ทำหน้าที่ครูผู้นิเทศและครูผู้รับ การนิเทศ ครูผู้รับการนิเทศ 16 คน (ครูที่ทำหน้าที่เป็นผู้นิเทศประกอบด้วย รองผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ และครู) และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1,2,3,4,5 และ 6 จำนวน 16 ห้องเรียน เลือกโดยครูผู้สอนที่สมัครใจเข้าร่วมวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสังเกต และประเด็นสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า Wilcoxon Signed Rank Test ค่า t-test dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู โรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ ปรากฏผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
รูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนครู โรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ มีองค์ประกอบได้แก่ หลักการ คือ การนิเทศการสอนเน้นกระบวนการนิเทศที่เป็นระบบ สัมพันธ์กัน โดยคำนึงถึงความแตกต่างของครูด้านความรู้ ความสามารถ และทักษะที่สำคัญที่ต้องการพัฒนา โดยใช้วิธีการนิเทศภายในกับครูแต่ละคนเพื่อให้การนิเทศเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และกระบวนการนิเทศ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่1 Classifying : C การคัดกรองระดับความรู้ ความสามารถ ทักษะที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อจัดกลุ่มครูและเลือกวิธีการนิเทศที่เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อจัดกลุ่มครูและเลือกวิธีการนิเทศ ที่เหมาะสมสำหรับครูแต่ละกลุ่ม ขั้นตอนที่ 2 Informing : I การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ ขั้นตอนที่ 3 Proceeding : P การดำเนินงาน ได้แก่ 3.1) การประชุมก่อนการสังเกตการสอน (Pre conference) 3.2) การสังเกตการณ์สอน (Observation) 3.3) การประชุมหลังการสังเกตการสอน ( Post Conference) ขั้นตอนที่ 4 Evaluating : E การประเมินผลการนิเทศ โดย มีการกำกับ ติดตาม (Monitoring) อย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินการนิเทศเกิดประสิทธิภาพและองค์ประกอบด้านเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ ผลการตรวจสอบความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได้ และความสอดคล้องของรูปแบบการนิเทศภายใน ซีไอพีอี (CIPE Model) โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่าความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ เท่ากับ 1.00 ความเป็นไปได้ของรูปแบบ มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ ระหว่าง 0.80-1.00 และความสอดคล้องของรูปแบบมีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ ระหว่าง 0.80-1.00 ทั้งนี้เนื่องมากจากขั้นตอนการพัฒนารูปแบบ การนิเทศแบบหลากหลายวิธีการมีกระบวนการที่เป็นระบบ มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทุกองค์ประกอบ ซึ่งก็คือ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์ พบว่า ครูผู้นิเทศมีสมรรถภาพในการนิเทศ อยู่ในระดับสูงมาก ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน ครูผู้นิเทศมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศวิธีการของครูผู้รับการนิเทศ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศ แตกต่างกันอย่างมีสมรรถภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจของต่อรูปแบบการนิเทศภายในของครูผู้รับการนิเทศ อยู่ในระดับมากที่สุด
|
โพสต์โดย ศึก : [21 ก.ย. 2559 เวลา 02:13 น.] อ่าน [4619] ไอพี : 27.55.64.14
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 8,121 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,038 ครั้ง
| เปิดอ่าน 35,663 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,595 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,479 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,288 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,678 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,544 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,881 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,255 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,443 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,316 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,402 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,445 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,711 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 51,761 ครั้ง
| เปิดอ่าน 80,287 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,483 ครั้ง
| เปิดอ่าน 54,430 ครั้ง
| เปิดอ่าน 44,969 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|