ก.ค.ศ.เตรียมหารือเกณฑ์คัดผู้บริหารสถานศึกษารูปแบบใหม่ ก่อนทดลองใช้ในพื้นที่นวัตกรรม



เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 รศ.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุม ก.ค.ศ.ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาสมรรถนะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนการคัดเลือกเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ดำเนินการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565-2566 นั้น ถือเป็นการเปลี่ยนกรอบแนวคิด การคัดเลือกผู้บริการสถานศึกษาใหม่ จากเดิมที่ใช้วิธีการสอบคัดเลือก แล้วเข้าสู่กระบวนการอบรมพัฒนาก่อนรับการบรรจุแต่งตั้ง มาเป็นการพัฒนาสมรรถนะ 4 ขั้นตอน คือ การ Screening โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นครู นักเรียนและผู้ปกครองประเมินผู้ที่มีความเหมาะสม เข้ารับการอบรมพัฒนา หรือ development ถึงจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกหรือ Selection ซึ่งอาจต้องใช้หลายวิธี ไม่ใช่การสอบเพียงอย่างเดียว ก่อนเข้าสู่การทดลองงาน หรือ Probation

“ที่ประชุมได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง โดยหลักการใหญ่ ๆ ที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาคือ ขณะนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลง การศึกษามีการพัฒนาเดินไปข้างหน้า เช่นเดียวกับคนและองค์ความรู้ที่ไม่เหมือนเดิม ดังนั้นหากคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาในรูปแบบเดิม ก็อาจไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งในต่างประเทศ ไม่มีใช้ระบบการสอบเช่นเดียวกับประเทศไทยแล้ว สำนักงาน ก.ค.ศ.จึงเห็นว่าควรต้องยกเลิกการคัดเลือกผู้บริหารในรูปแบบเดิมและเปลี่ยนใหม่ ซึ่งตรงนี้ยังเป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบการคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา โดยจะทดลองนำร่องในโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมก่อน เพื่อทดลองระบบดูความเชื่อมั่น และความเที่ยงตรงในการดำเนินการ หากประสบความสำเร็จ สามารถคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาที่มีคุณภาพได้แล้ว จึงจะมาจัดทำหลักเกณฑ์ใหญ่เพื่อประกาศใช้ทั่วประเทศต่อไป ส่วนจะนำร่องในโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมจำนวนกี่แห่งนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)อีกครั้ง เพื่อกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจน” เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว

รศ.ประวิต กล่าวด้วยว่า สำหรับคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ารับการประเมินเพื่อเป็นผู้บริหารสถานศึกษานั้น เบื้องต้นจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐานตำแหน่งที่กำหนด จึงจะสามารถเข้ารับการคัดเลือกในขั้นตอนแรกหรือเข้าสู่กระบวนการ Screening ทั้งนี้ หากได้รับการคัดเลือกแล้วไม่ผ่านขั้นตอนการอบรมและพัฒนา ก็ต้องยอมรับความจริงและกลับไปพัฒนาตัวเอง เช่น ทะเลาะกับเพื่อนผู้บริหารด้วยกัน ก็อาจถูกประเมินว่าไม่เหมาะสม จะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ส่วนจะมีการกลั่นแกล้งกันหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องได้รับการยอมรับ ไม่ใช่ตำแหน่งที่ทุกคนจะมาเป็นได้ แต่ต้องเป็นคนที่พร้อมทำงาน เพื่อให้ได้ผู้บริหารยุคใหม่เข้ามาพัฒนาการศึกษา


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

 

โพสต์เมื่อ 1 พ.ย. 2564 อ่าน 8539 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 193]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2731]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1089]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5694]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2438]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)