"เสมา1"ลงนามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยปี64-70



เลขาธิการสภาการศึกษา เผย รมว.ศธ.ลงนามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564-2570 มุ่งเน้นเด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ 

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 รอบล่าสุดนี้ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ยังเดินหน้าขับเคลื่อนต่อยอดพัฒนาระบบการศึกษาไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สกศ.ได้จัดทำร่างแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564-2570 นำเสนอ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ลงนามเห็นชอบในหลักการแล้ว ซึ่งจะได้รายงานเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  พิจารณาตามลำดับต่อไป โดยที่ผ่านมา สกศ.ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการขับเคลื่อนงานเด็กปฐมวัยตามพระราชบัญัติ (พ.ร.บ.) การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562 ภายใต้ความร่วมมือ 4 หน่วยงานหลัก กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผ่านกลไกขับเคลื่อนสำคัญคือคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 6 คณะ และมีผลดำเนินงานความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องที่มีเป้าหมายร่วมกันปฏิรูปการศึกษาส่งเสริมผลักดันเต็มที่ เด็กเล็กต้องได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพื่อให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัยจึงต้องสร้างกลไกความร่วมมือที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพพัฒนากลไกการตรวจสอบที่มีคุณภาพ พิจารณานําเครื่องมือดําเนินงานใหม่ ๆ มาปรับใช้ และผลักดันให้เกิดศูนย์รับเลี้ยงเด็กอ่อนที่มีคุณภาพ  

เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวต่อไปว่า วิสัยทัศน์ของแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2564-2570 ซึ่งเป็นแผนระยะ 7 ปี มุ่งเน้นเด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ โดยมียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน 7 ด้าน ดังนี้ 1.การจัดและการให้บริการแก่เด็กปฐมวัย 2.การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 3.การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนาเด็กปฐมวัย 4.การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัย และการนำไปใช้ประโยชน์ 5.การจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและการดำเนินการตามกฎหมาย 6.การวิจัยพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ และ 7.การบริหารจัดการ การสร้างกลไก การประสานการดำเนินงาน และการติดตามประเมินผล ซึ่ง สกศ. เห็นว่าการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ต้องพัฒนาความเข้มแข็งในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างครอบครัวคุณภาพ การยกระดับโรงเรียนพ่อแม่ และการกําหนดนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัวในสถานประกอบการ  

“แนวคิดสำคัญคือยกระดับแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เป็นแผนบูรณาการทั้งด้านบริการสาธารณสุขการจัดการศึกษา การจัดสวัสดิการ และด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัย ต้องเร่งสร้างระบบจูงใจให้ท้องถิ่นพัฒนาคุณภาพสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และกระตุ้นพัฒนาการเด็กปฐมวัย โดยใช้แผนพัฒนาเด็กปฐมวัยฯ ฉบับนี้ไปใช้เป็นกรอบแนวทางภายใต้เป้าหมายร่วมกันทั้งระบบ” ดร.อำนาจ กล่าว.

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ พุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 

โพสต์เมื่อ 5 พ.ค. 2564 อ่าน 6010 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แผนงานบุคลากรภาครัฐ งบบุคลากร และงบดำเนินงาน เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างพนักงานราชการ (ครั้งที่ 1) [อ่าน 1413]
ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04009/ว 6450 การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างอัตราจ้างครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน ครั้งที่ 1 [อ่าน 879]
แนวทางการดำเนินการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ [อ่าน 1244]
สพฐ.ข้อมูลเพื่อการบริหารงานบุคคลตำแหน่ง ผอ. สพท. [อ่าน 1493]
ซักซ้อมการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 3711]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)