สพฐ.ปลื้มนโยบายเจ๋งส่งผลคะแนนโอเน็ตเด็กสูงขึ้น



#showpic

เลขาธิการ กพฐ. เปิดผลวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้น ยืน 1 นโยบายลดภาระงานครูเพิ่มครูธุรการ และโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จ่อ ให้เงินท็อปอัพพิเศษเฉพาะกลุ่มโรงเรียนเพื่อเติมเต็มคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียม

วันนี้ (2 เม.ย.) นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้สรุปรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ปีการศึกษา 2561 ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ ม.6  ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าสอบโอเน็ตทั่วประเทศระดับ ป.6 จำนวน 443,839 คน ม.3 จำนวน 474,487 คน และม.6 จำนวน 287,643 คน พบภาพรวมเป็นที่น่าพอใจแต่ก็ยังไม่ถึงตามที่เราคาดหวังไว้ โดยป.6 เด็กมีคะแนนสูงขึ้นทุกวิชายกเว้นวิชาคณิตศาสตร์  ม.3 มีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกวิชายกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ และ ม.6 เพิ่มขึ้นทุกวิชาเช่นเดียวกันยกเว้นวิชาภาษาไทย โดยในส่วนม.6 วิชาภาษาไทยที่มีคะแนนต่ำลงนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าเด็กกลุ่มนี้มุ่งมั่นเรียนเพื่อสอบแข่งขันต่อระดับอุดมศึกษาจึงเน้นหนักไปที่วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์  ซึ่งในจำนวนที่มีคะแนนโอเน็ตสูงขึ้นได้รวมไปถึงโรงเรียนในกลุ่มเกาะแก่ง โรงเรียนพื้นที่สูง โรงเรียนที่จัดการเรียนรู้ทางไกลผ่านดาวเทียม (ดีแอลทีวี) ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนประชารัฐ และโรงเรียนในโครงการPartnership School  ทั้งนี้ในวิชาที่มีคะแนนต่ำลงสพฐ.จะใช้โครงการดีแอลทีวีเข้ามาช่วยเติมเต็มมากขึ้น เพราะเห็นลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนกับโรงเรียนที่ได้คะแนนโอเน็ตเพิ่มขึ้นจากการใช้โครงการดีแอลทีวี
             
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้นจากการประเมินของสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของสพฐ. สำรวจจากครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้ปกครอง จำนวน 29,487 คน พบว่า นโยบาย 3 เรื่องของสพฐ.ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้น ได้แก่ นโยบายการลดภาระงานครูเพิ่มคุณภาพผู้เรียน(จัดสรรอัตราครูธุรการ)  นโยบายระบบเครือข่ายไฮสปีดอินเตอร์เน็ต และการลงพื้นที่ของผู้อำนวยการเขตฯ ส่วนโครงการที่ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้นได้ การพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยระบบดีแอลทีวี การพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร และการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้
 
“ทั้งนี้ในปีการศึกษาหน้าเราจะใช้วิธีการบริหารงานแบบจิ๊กโซวโมเดล คือ จะแบ่งโรงเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย เพื่อให้มีเป้าหมายของการดำเนินการ ซึ่งจะให้มีผู้รับผิดชอบแต่ละกลุ่มโรงเรียน โดยจะดูว่าโรงเรียนกลุ่มไหนยังขาดอะไรที่สพฐ.จะลงไปเติมเต็มให้ครบ เช่น ขาดงบประมาณ ขาดแคลนครู หรือเทคนิคการเรียนการสอน เป็นต้น  ทั้งนี้แม้โรงเรียนจะมีเงินอุดหนุนรายหัวเด็กที่ยังได้รับการอุดหนุนเท่าเดิมแล้ว แต่ต่อจากนี้ไปการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเราจะมีเงินท็อปอัพพิเศษลงไปให้เป็นไปตามเฉพาะกลุ่มโรงเรียนอีกด้วย เหมือนเป็นการเติมเต็มงบประมาณพิเศษซึ่งใช้เป็นงบปกติในการดำเนินการ เพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษาได้เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมในอนาคต”นายบุญรักษ์ กล่าว... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/701945


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 2 เมษายน 2562

ชี้ลดภาระงานครูส่งผลโอเน็ตพุ่ง

นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้สรุปรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ปีการศึกษา 2561 ชั้น ป.6, ม.3 และ ม.6 ซึ่งภาพรวมเป็นที่น่าพอใจแต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่เราคาดหวังไว้ โดย ป.6 เด็กมีคะแนนสูงขึ้นทุกวิชายกเว้นวิชาคณิตศาสตร์ ม.3 มีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกวิชายกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ และ ม.6 เพิ่มขึ้นทุกวิชาเช่นเดียวกัน ยกเว้นวิชาภาษาไทย โดยในส่วนของ ม.6 วิชาภาษาไทยที่มีคะแนนต่ำลงนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าเด็กกลุ่มนี้มุ่งมั่นเรียนเพื่อสอบแข่งขันต่อระดับอุดมศึกษา จึงเน้นหนักไปที่วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์


เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับคะแนนโอเน็ตที่สูงขึ้นนี้ไม่เพียงเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมืองหรือโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงเท่านั้น แต่รวมถึงโรงเรียนในกลุ่มที่อยู่ตามเกาะแก่ง พื้นที่สูง โรงเรียนที่จัดการเรียนรู้ทางไกลผ่านดาวเทียม (ดีแอลทีวี) โรงเรียนประชารัฐ และโรงเรียนในโครงการร่วมพัฒนา โดยวิชาใดที่แต่ละกลุ่มโรงเรียนมีคะแนนต่ำลง สพฐ.จะใช้โครงการดีแอลทีวีเข้ามาช่วยเติมเต็มมากขึ้น เพราะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนกับโรงเรียนที่ได้คะแนนโอเน็ตเพิ่มขึ้นจากการใช้โครงการดีแอลทีวี
นายบุญรักษ์กล่าวต่อไปว่า

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้นนั้น พบว่ามาจากนโยบาย 3 เรื่องของ สพฐ. ได้แก่ 1.นโยบายการลดภาระงานครูเพิ่มคุณภาพผู้เรียน โดยการจัดสรรอัตราครูธุรการให้กับโรงเรียน 2.นโยบายการส่งเสริมระบบเครือข่ายไฮสปีดอินเตอร์เน็ตให้กับโรงเรียน และ 3.การลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงานของโรงเรียนในสังกัดของผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ส่วนโครงการที่ส่งผลให้คะแนนโอเน็ตสูงขึ้น ได้แก่ โครงการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยระบบดีแอลทีวี การพัฒนาครูรูปแบบครบวงจร และการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ สำหรับปีการศึกษาหน้า จะแบ่งโรงเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย และเติมในส่วนที่ขาด เช่น ขาดงบประมาณ ขาดแคลนครู หรือเทคนิคการเรียนการสอน เป็นต้น.


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ วันที่ 3 เมษายน 2562

โพสต์เมื่อ 2 เม.ย. 2562 อ่าน 7696 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 192]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2708]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1082]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5622]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2425]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)