ก.ค.ศ.ผุดเกณฑ์เฉพาะย้ายผู้บริหารโรงเรียน แก้ปัญหากลุ่มนอกการคุ้มครองศาล



#showpic

เห็นชอบเฟ้นครู ผช.ยึดหลักการเดิม

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายหลังศาลปกครองอุบลราชธานีมีคำสั่งทุเลาการบังคับ ตามข้อ 10 และข้อ 11 ของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ว 24/2560 ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ขออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด แต่เนื่องจากระยะเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร ก.ค.ศ.จึงเห็นว่าเพื่อให้การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ชะลอไว้สามารถดำเนินการต่อไปได้ จำเป็นต้องใช้วิธีการทางการบริหาร โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่กระทบต่อคำสั่งทุเลาการบังคับตามข้อ 10 และ 11 ของหลักเกณฑ์ ว 24/2560 ซึ่งได้หารือทีมกฎหมายแล้วเห็นว่าสามารถทำได้ ปัญหานี้น่าจะแก้ไขได้ไม่เกินเดือนหน้า โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปร่างเกณฑ์และจัดทำรายละเอียดเสนอมาเพื่อคลี่คลายปัญหาเพราะคนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองก็มีจำนวนมาก

ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ.จะกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่เป็นการเฉพาะที่จะย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในครั้งนี้ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลปกครอง เพื่อให้มีการพิจารณาย้ายก่อนที่จะเปิดสอบต่อไป ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ประจำปี 2561 ใช้หลักการเดิมคือ สอบทั้ง ภาค ก ภาค ข และภาค ค แต่ปรับหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่ให้นำมาตรา 47 มาใช้ และให้ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ 2 ปี โดยมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปประชุมผู้เกี่ยวข้องและยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบแนวคิดการกำหนดระเบียบ ก.ค.ศ. ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ที่เปิดให้ ก.ค.ศ.กำหนดให้ตำแหน่งข้าราชการครูบางตำแหน่งเป็นสัญญาจ้าง เพื่อรองรับโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ อาทิ โรงเรียนพับบลิกสกูล กรอบที่ขอคือ จะจ้างผู้อำนวยการและข้าราชการครู โดยสำนักงาน ก.ค.ศ.จะเชิญผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงการคลังหารือ ทั้ง 3 เรื่องจะเร่งให้เสร็จเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ก.ค.ศ. เดือน เม.ย.นี้.


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ วันที่ 31 มีนาคม 2561

คาด เม.ย.คลอดเกณฑ์ย้ายผู้บริหารสถานศึกษาคลี่คลายกรณี ว 24/2560

30 มี.ค.61-ก.ค.ศ.เร่งกำหนดหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ที่ไม่กระทบต่อคำสั่งทุเลาการบังคับของหลักเกณฑ์ ว.24/2560 "ธีระเกียรติ" เชื่อ เม.ย.นี้ รู้เรื่อง

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายหลังศาลปกครองอุบลราชธานีมีคาสั่งทุเลาการบังคับ ตามข้อ 10 และข้อ 11 ของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ว 24/2560 ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ขออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด แต่เนื่องจากระยะเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงเห็นว่าเพื่อให้การย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ชะลอไว้สามารถดำเนินการต่อไปได้ จำเป็นต้องใช้วิธีการทางการบริหาร โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์การย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ที่ไม่กระทบต่อคำสั่งทุเลาการบังคับตามข้อ 10 และ 11 ของหลักเกณฑ์ ว.24/2560 ซึ่งได้มีการหารือกับทีมกฎหมายแล้วเห็นว่าสามารถทำได้ ดังนั้นปัญหานี้น่าจะได้รับการแก้ไขไม่เกินเดือนหน้า โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปร่างเกณฑ์และจัดทำรายละเอียดเสนอมา ทั้งนี้เพื่อคลี่คลายปัญหาเพราะคนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองก็มีจำนวนมาก

ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาฯ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ.จะกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่เป็นการเฉพาะที่จะย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในครั้งนี้ โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวต้องไม่ส่วนเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลปกครอง ทั้งนี้เพื่อให้มีการพิจารณาย้ายก่อนที่จะมีการเปิดสอบต่อไป ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ประจำปี 2561 โดยใช้หลักการเดิมคือสอบทั้ง ภาค ก ภาค ข และภาค ค แต่ปรับหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่ให้นำมาตรา 47 มาใช้ และให้มีการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ 2 ปี โดยมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปประชุมผู้เกี่ยวข้องและยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

"นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบแนวคิดในการกำหนดระเบียบ ก.ค.ศ.ตามมาตร 52 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ที่เปิดให้ ก.ค.ศ.กำหนดให้ตำแหน่งข้าราชการครูฯบางตำแหน่งเป็นสัญญาจ้าง เพื่อรองรับโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ อาทิ โรงเรียนพับบลิค สคูล โดยกรอบที่ขอคือจะจ้างผู้อำนวยการและข้าราชการครู โดยสำนักงาน ก.ค.ศ.จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมทั้งกระทรวงการคลังมาหารือ เนื่องจากระเบียบที่ ก.ค.ศ.กำหนดต้องผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 เรื่องจเร่งให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอต่อประชุม ก.ค.ศ.ครั้งหน้าในเดือน เม.ย.นี้"เลขาฯ ก.ค.ศ.กล่าว


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยโพสต์ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

โพสต์เมื่อ 31 มี.ค. 2561 อ่าน 12202 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 189]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2700]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1078]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5582]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2420]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)