ชมรมรองผอ.สพท.ภาคอีสานเสนอให้สพฐ.แบ่งโครงสร้างการบริหารส่วนราชการในภูมิภาคเป็นจังหวัดและอำเภอ



#showpic

ข้อเสนอ
ชมรมรองผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เรื่อง เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งโครงสร้าง
การบริหารส่วนราชการในภูมิภาคเป็นจังหวัดและอำเภอ

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมาตรา 6 กำหนดให้จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้

(1) ระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
(2) ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
(3) ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญา

ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา (มาตรา 34) ดังนี้

(1) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(2) สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น

แต่การดำเนินการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตั้งแต่ พ.ศ.2546 เป็นต้นมาไม่สามารถบริหารจัดการให้สำเร็จตามความมุ่งหมายที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ มาตรา 6 ที่กำหนดไว้ว่า“การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข”โดยเฉพาะให้ด้านความรู้จากการทดสอบ O-NET (Ordinary National Educational Test) ซึ่งเป็นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ผลปรากฏว่าการทดสอบตั้งแต่ปีการศึกษาที่ผ่านๆมานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ผ่านเกณฑ์ทุกสาระวิชาและในการทดสอบปี 2558 ก็ยังพบว่ามีคะแนนอยู่ในเกณฑ์ต่ำทั้ง 5 สาระวิชา ดังนี้ วิชาภาษาไทย คะแนนเฉลี่ย 48.39 สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม เฉลี่ย 47.64 คะแนน ภาษาอังกฤษ เฉลี่ย 36.61 คะแนน คณิตศาสตร์ เฉลี่ย 41.76 คะแนน วิทยาศาสตร์ เฉลี่ย 41.55 คะแนน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในอาเซียนแล้วเราจัดอยู่ในลำดับที่ 8 จาก 10 ประเทศ มีเพียงลาวและเมียนมาร์ เท่านั้นที่อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่า ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้นแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถให้สำเร็จลุล่วงได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก็ยังตกต่ำและยังพบปัญหาอีกหลายประการ เช่น การอ่านออกเขียนได้ เด็กออกกลางคัน เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเต็มรูปแบบซึ่งหากเมื่อย้อนหลังไปก่อน พ.ศ.2546 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในระดับประถมศึกษาอยู่ในระดับที่น่าพอใจไม่ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบันและนักเรียนมีคุณธรรม สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า “ความรู้คู่คุณธรรม” ด้วยดีเสมอมา นอกจากนั้นในการบริหารจัดการในเขตพื้นที่การศึกษาที่ผ่านมายังพบปัญหาการบริหารงานบุคคลซึ่งรัฐบาลก็ได้แก้ไขให้จัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดขึ้นโดยให้มีการบริหารงานในรูปคณะกรรมการ เรียกว่า คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ซึ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลได้อย่างมีธรรมาภิบาล ดังนั้น ชมรมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงได้เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกท่านได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมีความคิดเห็นตรงกันว่าในการบริหารจัดการนั้นชมรมจึงขอเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งโครงสร้างการบริหารส่วนราชการในภูมิภาคออกเป็นจังหวัดและอำเภอสาเหตุที่เสนอให้มีสำนักงานในระดับอำเภอด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1.หากมีการจัดตั้งสำนักงานในระดับอำเภอ จะมีหน่วยงานทางการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งอยู่ในพื้นที่ได้ใกล้ชิดกับประชาชนและทำงานเคียงคู่กับนายอำเภอและกระทรวงหลักอื่นเพื่อจะช่วยเหลือกันในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันประกอบกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในปัจจุบันตั้งอยู่ห่างไกลต้องกำกับดูแลสถานศึกษาในสังกัดประมาณกว่า 200 โรง ครอบคลุมพื้นที่ 3-5 อำเภอทำให้การนิเทศติดตามประเมินผลเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง ครูต้องเสียเวลาในการเดินทางไปติดต่อราชการกับเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งตั้งอยู่ในคนละท้องที่อำเภอทำให้ไม่มีเวลาดูแลนักเรียนและต้องสิ้นเปลืองงบประมาณอันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์การเรียนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นข่าว

2. การแบ่งเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในปัจจุบันไม่มีความสอดคล้องกับการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งแบ่งการบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกเป็นจังหวัดและอำเภอจึงทำให้ขาดการประสานงานกับส่วนราชการอื่นที่อยู่ในอำเภอเดียวกันในการระดมสรรพกำลังเพื่อพัฒนาการศึกษาหากมีปัญหาอุปสรรใดจะได้ช่วยเหลือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา

3.ผู้บริหารการศึกษาในระดับอำเภอสามารถนำนโยบายทั้งของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นเอกภาพในฐานะผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการอย่างเช่น ศึกษาธิการจังหวัดและศึกษาธิการอำเภอในอดีต

ดังนั้น ชมรมจึงเห็นว่าหากได้ดำเนินการตามข้อเสนอนี้โดยให้มีการจัดตั้งหน่วยงานทางการศึกษาระดับอำเภอเพื่อให้สอดรับกับการจัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดชมรมคาดว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจะเกิดขึ้นกับนักเรียนโดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพการศึกษาก็จะได้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนและการบริหารจัดการก็จะเกิดธรรมาภิบาลยิ่งขึ้นต่อไป อนึ่ง ในการเสนอขอจัดตั้งหน่วยงานทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับอำเภอในฐานะที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและเป็นผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการในระดับอำเภอในครั้งนี้จะไม่ผูกพันงบประมาณทั้งด้านอาคารสถานที่เนื่องจากเดิมเคยมีอาคารที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอและสำนักงานศึกษาธิการอำเภอเดิมอยู่แล้วนอกจากนั้นอาจจะขอใช้อาคารเรียนโรงเรียนขนาดเล็กที่กำลังจะยุบรวมซึ่งมีอยู่หลายโรงเรียนในด้านบุคลากรก็สามารถเกลี่ยอัตรากำลังมาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาได้อยู่แล้ว

ชมรมรองผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
17 พฤศจิกายน 2559

ที่มาข้อมูลจาก ชมรมรอง ผอ.สพทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
jira.2112@gmail.com

โพสต์เมื่อ 17 พ.ย. 2559 อ่าน 15711 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แผนงานบุคลากรภาครัฐ งบบุคลากร และงบดำเนินงาน เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างพนักงานราชการ (ครั้งที่ 1) [อ่าน 1413]
ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04009/ว 6450 การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างอัตราจ้างครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน ครั้งที่ 1 [อ่าน 879]
แนวทางการดำเนินการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ [อ่าน 1244]
สพฐ.ข้อมูลเพื่อการบริหารงานบุคคลตำแหน่ง ผอ. สพท. [อ่าน 1493]
ซักซ้อมการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 3711]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)