"บิ๊กหนุ่ย"สั่งใช้ม.55ประเมินคงอยู่วิทยฐานะ



“ดาว์พงษ์” สั่ง ก.ค.ศ.ทำเกณฑ์ประเมินคงสภาพวิทยฐานะครู ตามมาตรา 55 ของพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ ชี้รัฐต้องจ่ายเงินวิทยฐานะปีละ 2.1 หมื่นล้านบาท เผยกฎหมายกำหนดไว้แรง ไม่ผ่านประเมินงดจ่ายเงินวิทยฐานะ สูงสุดถึงให้ออกราชการ


วันนี้ (4 ก.ค.)พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ว่า มาตรา 55 ของพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 กำหนดให้มีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะสำหรับตำแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นระยะ ๆ เพื่อดำรงไว้ ซึ่งความรู้ ความสามารถ ความชำนาญการ หรือความเชี่ยวชาญในตำแหน่ง โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก.ค.ศ.กำหนด แต่ที่ผ่านมายังไม่มีหลักเกณฑ์และการประเมินให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตนจึงมอบให้สำนักงานก.ค.ศ.ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งวิทยฐานะ และคิดหลักเกณฑ์การประเมินแล้ว

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า วันนี้เราต้องจ่ายค่าวิทยฐานะให้แก่ครูและบุคลากรฯ ประมาณปีละ 21,000 ล้านบาท จำแนกเป็น

สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)

  • วิทยฐานะชำนาญการประมาณ 108,000 คน
  • ชำนาญการพิเศษประมาณ 222,000 คน
  • เชี่ยวชาญ 894 คน
  • เชี่ยวชาญพิเศษ 1 คน

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)

  • ชำนาญการ 599 คน
  • ชำนาญการพิเศษประมาณ 1,200 คน
  • เชี่ยวชาญ 53 คน

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)

  • ชำนาญการ 6,889 คน
  • ชำนาญการพิเศษ 5,658 คน
  • เชี่ยวชาญ 122 คน

โดยวิทยฐานะชำนาญการได้รับ 3,500 บาท ชำนาญการพิเศษ 5,600 บาท เชี่ยวชาญ 9,900 บาท เชี่ยวชาญพิเศษ 15,600 บาท

“ยืนยันว่าไม่มีแนวคิดที่จะยกเลิกวิทยฐานะ แต่ที่ทำก็เพื่อปกป้องครู และทำเพื่อให้สังคมเห็นคุณค่าของวิทยฐานะที่ครูมี ไม่ให้โจมตีได้ว่าครูรับเงินวิทยฐานะไปแล้วละทิ้งห้องเรียน หรือคุณภาพผู้เรียนลดลง และทำให้วิทยฐานะยั่งยืน เพราะฉะนั้นต่อไปการได้รับวิทยฐานะที่สูงขึ้นต้องมีผลโดยตรงต่อคุณภาพผู้เรียน โดยหลักเกณฑ์ใหม่จะมีระบบการประเมินและพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการยอมรับทั้งจากผู้ประเมิน และผู้ถูกประเมิน โดยจะพยายามให้เริ่มใช้ได้ในปีหน้า” พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว

ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานก.ค.ศ.เคยยกร่างหลักเกณฑ์การประเมินฯไว้แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการ อย่างไรก็ตามก่อนประกาศใช้ รมว.ศธ.กำชับว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะต้องยอมรับกับหลักเกณฑ์นี้ด้วย เช่น ประเมินทุก 3 ปี 5 ปี หรือ 1 ปี เป็นต้น เพราะในมาตรา 55 กำหนดไว้ว่า กรณีที่ไม่ผ่านการประเมินให้ ก.ค.ศ.ดำเนินการตามความเหมาะสม ดังนี้

1.พัฒนาให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานได้

2.หากไม่สามารถพัฒนาได้ตามระยะเวลาและหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะงดเงินประจำตำแหน่งหรือเงินวิทยฐานะและแต่กรณี และ

3.กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ 

 

ที่มา เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 เวลา 17.40 น.

โพสต์เมื่อ 5 ก.ค. 2559 อ่าน 28172 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 190]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2704]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1079]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5594]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2422]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)