จี้ ศธ.ถอยหลังแยกเรียนสายวิทย์-สายศิลป์



#showpic

เครือข่ายประชาชนฯ บุกศธ.รอบ 3 ทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาการศึกษาชาติ จี้ “ดาว์พงษ์” แยกการเรียนการสายวิทย์-สายศิลป์ระดับม.ปลาย ชี้หลังให้เรียนรวมการศึกษาไทยตกต่ำมาก เหตุเด็กต้องเรียนทุกวิชาแม้ไม่ถนัด ส่งผลเรียนต่อไม่รอดในระดับมหา’ลัย ชงเอาผิดคนออกข้อสอบ สทศ.เกินหลักสูตร

วันนี้ (29 ก.พ.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ประธานเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.)และเครือข่ายพ่อแม่เยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พร้อมคณะเดินทางมายื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษา ต่อพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โดยมี ดร.สุภัทร จำปาทอง รองปลัด ศธ.รับเรื่องแทน ซึ่งพ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคณะได้มาติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษา หลังได้เคยยื่นข้อเสนอมาแล้วโดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ยัง ศธ.ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งสิ่งที่อยากให้ ศธ.เร่งดำเนินการเป็นอันดับแรกคือ การปรับลดหลักสูตรการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และให้ประกาศแยกการเรียนสายวิทย์และสายศิลป์ออกจากกัน โดยเริ่มดำเนินการทันทีในปีการศึกษา 2559 เพราะหลังจาก ศธ.ได้ดำเนินการยุบรวมการศึกษาสายวิทย์และสายศิลป์เข้าด้วยกัน ในปีการศึกษา 2548 พบว่าคุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เด็กต้องเรียนทุกรายวิชาอัดแน่นตามสิ่งที่ครูอยากจะสอน ทั้งที่บางวิชาเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ ประกอบกับคะแนนการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ก็มีผลในการเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยอย่างมาก เด็กบางคนไม่ได้เก่งทางด้านวิทย์แต่ได้คะแนนสังคมสูงเมื่อไปสอบเข้าไปเรียนในสาขาที่เกี่ยวกับทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถเรียนต่อได้ ทำให้เป็นปัญหาสืบเนื่องออกไปอีก ดังนั้น ควรจะแยกการเรียนสายวิทย์กับสายศิลป์ให้ชัดเจนตั้งแต่ระดับม.ปลาย โดยให้เด็กเลือกเรียนตามความถนัดและความสนใจ ซึ่งถือเป็นการปลดล็อคระบบการศึกษาไทย

พ.ท.พญ.กมลพรรณ กล่าวต่อว่า ขอให้ยุบสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เพราะสองหน่วยงานนี้ ทำงานได้ไม่คุ้มค่างบประมาณ อีกทั้งตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ.ก็เพิ่มภาระให้แก่โรงเรียน แต่ไม่เพิ่มศักยภาพเด็กนักเรียน ในส่วนของสทศ.ข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบต่างๆ ก็มีการออกข้อสอบเกินหลักสูตร ดังนั้น หากไม่ยุบสทศ.ก็ควรมีการกำหนดโทษของผู้ที่ออกข้อสอบเกินหลักสอบเพื่อจะได้ระวังและไม่ออกข้อสอบเกินหลักสูตร นอกจากนี้ ขอให้ ศธ.ควบคุมการเก็บค่าเล่าเรียนจากนักเรียน นักศึกษาและให้โรงเรียนตลอดจนมหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนทุกแห่ง เปิดเผยรายรับรายจ่ายทางเว็บไซต์ของโรงเรียนด้วย

 

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 

โพสต์เมื่อ 29 ก.พ. 2559 อ่าน 12252 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 193]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2715]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1086]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5653]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2432]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)