ชงใช้เงินช.พ.ค.รีไฟแนนซ์หนี้ออมสิน



#showpic

ที่ประชุมร่วม ศธ.-ธ.ออมสิน คิดมาตรการใหม่ใช้เงินในอนาคตชำระหนี้ครู ด้วยวิธีนำเงิน ช.พ.ค.ที่ได้รับหลังตายตั้งวงเงินปล่อยกู้ให้รีไฟแนนซ์ ชงครม.ตัดสิน 22 ธ.ค.นี้ คาดครูมีสภาพคล่องมากขึ้นปลดหนี้ได้ 3 แสนคน

วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. เปิดเผยภายหลังการหารือแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูร่วมกับนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) โดยมีพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ. เป็นประธาน ว่า ธนาคารออมสินได้รายงาน ว่า หลังจากที่ธนาคารได้เปิดให้ครูที่ผิดนัดชำระหนี้โครงการเงินกู้ ช.พ.ค.มากกว่า 3 งวดขึ้นไป และถูกธนาคารออมสินยื่นโนติสไปแล้ว 13,405 คน เข้าไปไกล่เกลี่ย ปรากฏว่ามีครูติดต่อไปจำนวน 6,023 คน โดยเริ่มชำระหนี้แล้ว 1,521 คน และปิดบัญชีแล้ว 21 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนคนที่ยังไม่ไปติดต่ออีก 7,382 คนนั้น ศธ.ได้ขอให้ธนาคารออมสินยื่นโนติสอีกครั้ง และหากยังไม่ไปติดต่อก็ให้ฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป

รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงมาตรการแก้ไขอื่น ๆ โดยมีมติร่วมตามแนวทางที่ธนาคารออมสิน เสนอให้ใช้เงินอนาคต เช่น การใช้เงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของสกสค. ที่ใช้ในการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากสมาชิกเสียชีวิต มาใช้ในการรีไฟแนนซ์ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ค้างชำระกับทางธนาคารส่วนหนึ่งก่อน แต่ไม่ใช่เป็นการก่อหนี้เพิ่ม ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเท่าไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ ร้อยละ 6-6.5 ต่อปี ทั้งนี้จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ขณะเดียวกันธนาคารออมสินยังเสนอว่าสามารถนำเงินบำเหน็จตกทอด ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากข้าราชการเสียชีวิตมาใช้ในการค้ำประกันเงินกู้เช่นเดียวกับเงินช.พ.ค.ได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องแก้กฎหมายและต้องไปศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ครูที่เป็นหนี้ในการลดภาระการผ่อนชำระและลดดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ใช่การใช้หนี้แทน

“ส่วนที่จะเสนอให้ ธนาคารออมสิน ยกเลิกการคืนเงินให้กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และเปลี่ยนมาเป็นลดดอกเบี้ยให้ผู้กู้แทนนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์ อยากให้นำเงินจำนวนนี้มาใช้บริหารจัดการเรื่องสวัสดิการครูมากกว่าการยกเลิก โดยเฉพาะครูที่อยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งจะได้รับเงินเดือนไม่ตรงในช่วงเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ก็อาจจะนำเงินดังกล่าวไปช่วยก่อนได้ สำหรับครูที่ค้างชำระหนี้ และธนาคารออมสินหักเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้แทนนั้น ขณะนี้สกสค.อยู่ระหว่างการติดตามทวงหนี้ ซึ่งจะต้องนำเงินมาคืนทั้งหมด”รศ.นพ.กำจร กล่าว

ด้านนายชาติชาย กล่าวว่า เงินช.พ.ค.เป็นเงินที่ครูนำมาค้ำประกันหนี้อยู่แล้ว แต่ธนาคารพยายามจะบริหารจัดการโดยนำเงินส่วนหนึ่งมาตั้งเป็นวงเงินกู้ เพื่อลดภาระในการผ่อนชำระ ไม่ได้นำมาทั้ง 100% ซึ่งหากครม. เห็นชอบตามที่ธนาคารออมสินเสนอจะมีครูที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารออมสินประมาณ 3 แสนคน สามารถเคลียร์ยอดหนี้ได้ในวงเงินที่เพียงพอ โดยปัจจุบันมีครูที่กู้เงินจากธนาคารออมสิน ประมาณ 490,000 คน มูลหนี้รวมกว่า 490,000 ล้านบาท

 

 

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 ธันวาคม 2558

โพสต์เมื่อ 14 ธ.ค. 2558 อ่าน 11275 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 193]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2713]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1085]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5645]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2430]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)