“ดาว์พงษ์” แจงใช้ม.44 ปรับโครงสร้างศธ. ในบางส่วนที่เร่งด่วน



รมว.ศึกษาธิการ แจงใช้มาตรา 44 ปรับโครงสร้างศธ.ในบางส่วนที่เร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนงานปฎิรูปการศึกษา ส่วนปรับโครงสร้างใหญ่รอ สปท.พิจารณา ด้าน"กำจร"เผย ใช้ตั้งกรมวิชาการ 

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2558 เวลา 15:00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเตรียมเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ว่า การปรับโครงสร้าง ศธ.ถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนตัวมองว่าการดำเนินการกันเองเฉพาะภายในกระทรวงคงทำได้ไม่ครอบคลุม จึงต้องมีการหารือกับสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งที่ผ่านมาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก่อนที่จะหมดวาระก็มีการเสนอรูปแบบที่จะดำเนินการ และได้ส่งต่อให้ สปท.ขับเคลื่อนต่อไป ดังนั้น ตนจะประสานกับ สปท.เพื่อหารือถึงการจัดทำโครงสร้างใหญ่ ซึ่งในส่วนของ ศธ. ขณะนี้ได้มีการเตรียมแต่งตัวตามที่มอบหมายไว้แล้ว จากนั้นจะนำข้อเสนอมาหารือว่า ศธ.ในฐานะผู้ปฏิบัติมีข้อเสนอแบบนี้ ทาง สปท.มีมุมมองแบบไหน เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งมีหลายฝ่ายใจร้อนอยากจะให้เร่งรีบดำเนินการ แต่อยากให้เข้าใจด้วยว่าองคาพยพของ ศธ.ใหญ่มาก จะเร่งรีบทำเกินไปไม่ได้ แต่ยืนยันว่าต้องปรับโครงสร้าง ศธ.

"ประเด็นการขอใช้มาตรา 44 นั้น ผมกำลังดูอยู่ว่าจำเป็นต้องใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว จึงเตรียมเสนอต่อนายกฯเพื่อหารือว่าหาก ศธ.มีความจำเป็นจะขอปรับโครงสร้างในบางส่วนที่เร่งด่วนก่อนได้หรือไม่ ส่วนโครงสร้างใหญ่ค่อยทำร่วมกับ สปท. ซึ่งขณะนี้ได้มอบให้ผู้บริหารองค์กรหลักหารือร่วมกันแล้วว่า จะต้องทำอะไรก่อนหลังเพื่อเสนอขอนายกฯ ทั้งนี้ การใช้มาตรา 44 คงไม่ใช่แค่ยุบรวมอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชนเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องดูในส่วนอื่นๆ ด้วยหากมีก็ต้องทำเพื่อให้การบริหารดีขึ้น เวลานี้ผมยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้มาตรา 44 ครอบคลุมในส่วนใดบ้าง โดยจะต้องได้คำตอบในเร็วนี้ ผมไม่อยากคิดคนเดียว จึงรอฟังจากปลัด ศธ. และผู้บริหารคนอื่นๆ ด้วยว่าหากมีการขยับตรงนี้จำเป็นต้องทำโดยเร็วหรือไม่ และจะเกิดผลดี ผลเสียอะไรบ้าง"ငรมว.ศธ. กล่าว

ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.กล่าวว่า การปรับโครงสร้างอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าการรวมอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชนมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเพียงข้อกฎหมายและสามารถเสนอแก้ได้เร็ว ก็อาจจะไม่จำเป็น แต่ รมว.ศธ. มีแนวคิดที่จะเร่งจัดตั้งกรมวิชาการ เพื่อมาดูแลเรื่องการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งรับผิดชอบหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย หลักสูตรอาชีวศึกษา รวมทั้งหลักสูตรทวิภาคีด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ปรับโครงสร้างเร่งด่วนและดึงบุคลากรจากทุกหน่วยงานมาทำงาน มิฉะนั้นจะทำให้งานไม่สามารถเดินหน้าไปได้ ตนเห็นว่าเมื่อมีการเดินมาผิดทางคุณภาพการศึกษาไม่กระเตื้องขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนไปเดินอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่การถอยหลังเข้าคลอง.

 

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558

โพสต์เมื่อ 26 พ.ย. 2558 อ่าน 5316 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 193]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2730]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1086]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5681]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2436]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)