ผุดโมเดลรร.เล็กควบรร.ใหญ่ เลือกมีนักเรียนน้อยกว่า160คน แก้ปัญหาพัฒนาตัวเองไม่ได้



สพฐ.ออกโมเดลแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กกับโรงเรียนขนาดเล็กมาก มีนักเรียนน้อยกว่า 160 คน ควบรวมเต็มตัวเข้ากับโรงเรียนศูนย์กลางที่มีขนาดใหญ่เข้มแข็งกว่า โดยเลือก รร.มีระยะห่างระหว่างกันไม่เกิน 3 กม. ยันรวมกันแค่ชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้อาจยังมีการรวมชั้นเรียนในโรงเรียนเดียวกันหรือควบรวมชั้นเรียนระหว่าง รร.ในบางชั้น บางวิชา

นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กอย่างเร่งด่วน ว่า จากการที่ตนได้มีโอกาสหารือกับนายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาและการกีฬา สนช. โดยหลักการแล้ว สนช.มีความเห็นในทิศทางเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คือไม่ต้องการยุบโรงเรียนขนาดเล็กแน่นอน แม้ว่าจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้นก็ตาม และ สพฐ.เองก็มีความต้องการจะต้องรักษาโรงเรียนเหล่านี้ไว้ให้แก่เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

อย่างไรก็ตาม แต่แนวทางแก้ไขจำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการจัดการให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าหากโรงเรียนแห่งใดไม่สามารถพัฒนาได้ก็จะมีกระบวนการเข้ามาช่วยเหลือ เช่น การควบรวมชั้นเรียนในโรงเรียนเดียวกัน, การควบรวมระหว่างโรงเรียนในบางกรณี เช่น รวมเพียงแค่บางชั้นเรียนหรือบางวิชาเท่านั้น และการควบรวมแบบควบเต็มตัวเป็นการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กเรียนจำนวนน้อยกว่า 60 คนควบรวมกัน
"การควบรวมแบบควบเต็มตัว ไม่ใช่เป็นการยุบโรงเรียน แต่เป็นการควบรวมชั่วคราว เมื่อโรงเรียนที่เข้ามาควบรวมมีความพร้อมที่จะพัฒนาประสิทธิภาพ โดยอาจจะมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นก็สามารถกลับไปโรงเรียนของตนเองได้" นายกมลกล่าว

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า การควบรวมดังกล่าวทาง สพฐ.ดำเนินการจัดกลุ่มโรงเรียนประมาณ 300-400 กลุ่ม โดยให้สำนักงานเขตพื้นที่ฯ เป็นผู้คัดเลือกโรงเรียนที่จะเป็นโรงเรียนศูนย์กลางในแต่ละกลุ่ม โดยจะย้ายโรงเรียนขนาดเล็กมากมาควบรวมกับโรงเรียนศูนย์กลาง และระยะทางระหว่างโรงเรียนศูนย์กลางและโรงเรียนขนาดเล็กมากจะต้องมีระยะห่างไม่เกิน 3 กิโลเมตร นอกจากนี้ เบื้องต้นผู้บริหารโรงเรียนที่ได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนศูนย์กลางจะเป็นผู้อำนวยการ ส่วนผู้บริหารจากโรงเรียนขนาดเล็กที่ย้ายมาควบรวมจะอยู่ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการชั่วคราว เมื่อย้ายกลับไปยังโรงเรียนตนแล้วก็กลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเช่นเดิม แต่ยังคงต้องมีการพูดคุยถึงรายละเอียดในกรณีที่ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กมีความอาวุโสกว่า ก็อาจจะมีการปรับหลักเกณฑ์ตรงนี้

"การควบรวมต้องมีการขนย้ายโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์การเรียนการสอนมายังโรงเรียนที่เป็นศูนย์กลางด้วย ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายรายหัวและเงินเดือนครูจะติดตามตัวเด็กและครูมายังโรงเรียนศูนย์กลางด้วย และยังต้องมีการหารือเรื่องการเดินทาง โดยใช้รถโดยสารรับ-ส่งนักเรียนระหว่างโรงเรียนศูนย์กลางกับโรงเรียนของพวกเขา โดยจะพูดคุยกับองค์กรส่วนท้องถิ่นให้เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องรถโดยสาร น่าจะเป็นประโยชน์แก่เด็ก"

นายกมลกล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีการควบรวมโรงเรียนเข้าด้วยกัน แต่ สพฐ.เองก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับโรงเรียนเหล่านั้น ยังคงพัฒนาและจัดสรรงบดูแลอาคารสถานที่เพื่อให้โรงเรียนขนาดเล็กมากดังกล่าวยังคงอยู่มี มีการเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาทุกวัน เพียงแต่ไม่มีผู้เรียนและครูเท่านั้น แต่เมื่อโรงเรียนขนาดเล็กมากมีความพร้อมสำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพ ก็สามารถกลับมายังโรงเรียนของตนได้ทันที

"เรายังมองอีกว่าการควบรวมดังกล่าวนอกจากจะแก้เรื่องการเรียนการสอนแล้ว ยังเป็นการสร้างสังคมใหม่ๆ ให้แก่เด็กโรงเรียนขนาดเล็กมาก เพื่อจะมีครูและเพื่อนที่เพิ่มขึ้นด้วย” เลขาฯ กพฐ.กล่าว.

 

 

 

ที่มา ไทยโพสต์ 26 มกราคม 2558

 

โพสต์เมื่อ 26 ม.ค. 2558 อ่าน 10657 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แผนงานบุคลากรภาครัฐ งบบุคลากร และงบดำเนินงาน เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างพนักงานราชการ (ครั้งที่ 1) [อ่าน 1413]
ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04009/ว 6450 การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นค่าตอบแทนการจ้างอัตราจ้างครูผู้ทรงคุณค่าแห่งแผ่นดิน ครั้งที่ 1 [อ่าน 879]
แนวทางการดำเนินการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ [อ่าน 1244]
สพฐ.ข้อมูลเพื่อการบริหารงานบุคคลตำแหน่ง ผอ. สพท. [อ่าน 1493]
ซักซ้อมการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 3711]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)