สพฐ.คาดมีอัตราว่างบรรจุครูได้ 5-6 พันอัตรา



"อภิชาติ"เปรยสอบขึ้นบัญชีรอบนี้มีสิทธิ์ได้บรรจุทุกคน-เรียก 80 ผอ.เขต รับนโยบายอุดช่องโหว่กันทุจริตซ้ำรอย

      นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้ประกาศการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2557 ใน 90 เขตพื้นที่การศึกษา จำนวนกว่า 1800 อัตรา โดยจะจัดสอบภาค ก วันที่ 19 เม.ย.57 สอบภาค ข วันที่ 20 เม.ย.นั้น เนื่องจากการจัดสอบแข่งขันดังกล่าวกำลังเป็นที่จับตามองของสาธารณชน และเกรงว่าจะเกิดการทุจริตซ้ำรอยการสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษและเหตุจำเป็น ว12 ที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ดังนั้น สพฐ.จึงได้เรียกประชุม ผอ.เขตพื้นที่ ที่เปิดสอบทั้ง 90 เขตจากทุกภาค ระหว่างวันที่ 29 มี.ค.-2 เม.ย.57 เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการป้องกันการทุจริต 

นายอภิชาติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับอัตราบรรจุที่ประกาศว่าจะบรรจุได้ประมาณกว่า 1,800 อัตรานั้น เป็นอัตราสุทธิที่ประกาศสอบ ไม่ได้เกี่ยวกับการย้าย เพราะขณะนี้เขตพื้นที่ จะต้องพิจารณาย้ายครูประจำปีที่เปิดให้ยื่นขอย้ายในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก่อน หลังจากจัดการย้ายเสร็จสิ้นแล้วจะมีอัตราว่างเหลืออีก ก็จะสามารถไปเรียกใช้บัญชีจากการสอบบรรจุได้อีก แต่คงต้องเป็นหลังจากที่ได้เรียกและมีการออกคำสั่งบรรจุแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วทั้ง 1800 อัตราก่อน ฉะนั้นการสอบขึ้นบัญชีครั้งนี้ เชื่อได้ว่าคนที่ได้บรรจุจริง จะมีมากกว่า 1,800 กว่าอัตราแน่นอน โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเรียกบรรจุได้ถึง 5,000-6,000 อัตรา ดังนั้นผู้ที่สอบขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี มีโอกาสที่จะได้เรียกบรรจุเกือบหมด 

 

ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า ได้กำชับกับนายอภิชาติ ตลอดว่าต้องดูแลการจัดสอบครั้งนี้อย่างเข้มงวด และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตซ้ำรอย แต่ก็ต้องอาศัยทุกคนช่วยดูแลด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกขั้นตอนมีหลักเกณฑ์ควบคุมอยู่แล้ว และ สพฐ.ก็มีแนวทางป้องกันอย่างเต็มที่เช่นกันเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต 

     "เมื่อสังคมกำลังจับตาดู นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ และ สพฐ.จึงต้องดูแลอย่างเข้มงวด เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดการทุจริต และเท่าที่ฟังเขตพื้นที่ส่วนใหญ่จะจ้างมหาวิทยาลัยเป็นจัดทำข้อสอบและบริหารข้อสอบตั้งแต่การจัดส่งข้อสอบ รับข้อสอบมาตรวจ และประมวลผลจนจบกระบวนการ โดยไม่ต้องผ่านมือเขตพื้นที่ แต่เขตพื้นที่มีหน้าที่ในการคุมสอบ"

     นายอภิชาติ กล่าวและว่า สำหรับการเรียกรับเงินโดยอ้างว่าสามารถฝากได้หรือที่เรียกว่าตกเบ็ดนั้น ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีคู่สังคมไทยมานาน รับปากว่าจะช่วย แต่เอาเข้าจริงไม่ได้ช่วยอะไรเลย เป็นการสอบได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นขอเตือนว่าอย่าได้หลงเชื่อใครที่จะมาตกเบ็ด เพราะการสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้ไม่มีใครฝากได้ ทุกคนที่สอบได้เป็นความสามารถของตัวเอง

     "ผมคิดว่าคงไม่มีใครเข้าไปเสี่ยงและเกี่ยวข้องกับการทุจริต เพราะขณะนี้สังคมจับตาการสอบครูผู้ช่วยกันมาก ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกจับตามองมากที่สุด มีการเปิดสอบ 5 สนามสอบ ก่อนสอบประมาณ 1-2วัน ผมจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และในช่วงที่มีการสอบภาค ก ภาค ข และภาค ค ก็จะลงไปดูและติดตามด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่มีข้อห่วงใยในการสอบภาค ค ที่เป็นการสอบสัมภาษณ์ อาจจะมีการให้คะแนนช่วยเหลือผู้สอบจากคณะกรรมการสอบนั้น สพฐ.ได้วางระบบเอาไว้ว่าเมื่อกรรมการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะมี 5 คน และเมื่อสอบเสร็จครบ 10 คน จะมีเจ้าหน้าที่ไปเก็บคะแนนให้สัมภาษณ์ใส่ซอง ส่งมาให้กรรมการอีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะให้ ผอ.เขตพื้นที่คอยกำกับดูแล หากพบว่าคณะกรรมการทั้ง 5 คน ให้คะแนนคนๆ เดียวเกือบเต็มก็ให้เปลี่ยนกรรมการชุดใหม่เลย 

      อย่างไรก็ตาม กรรมการที่เป็นผู้สัมภาษณ์ภาค ค จะไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะไปเป็นกรรมการสนามสอบใด ได้นั่งเป็นกรรมการสอบที่ใดบ้าง และต้องสัมภาษณ์คนใดบ้าง โดยในวันสอบสัมภาษณ์ สพฐ.ได้กำหนดให้กรรมการสอบมาจับสลากในวันสอบเลยว่า จะได้สอบห้องไหน"

     นายอภิชาติ กล่าวและว่า ทั้งนี้ได้ย้ ำผอ.เขตพื้นที่ ว่าสิ่งที่น่ากังวลคือมีกระบวนการเข้ามาสอบทุจริตในห้องสอบเป็นจำนวนมาก เพื่อบอกข้อสอบให้ ดังนั้น การจัดห้องสอบจะต้องดูให้ดีในหลายองค์ประกอบ ตั้งแต่ใบสมัคร เลขที่ผู้สมัคร เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่

      เลขาธิการ กพฐ. ยังกล่าวต่อถึงอัตราบรรจุที่ประกาศว่า จะบรรจุได้ประมาณกว่า 1,800 อัตรานั้น ถือเป็นอัตราสุทธิที่ประกาศสอบ ไม่ได้เกี่ยวกับการย้าย เพราะขณะนี้เขตพื้นที่ จะต้องพิจารณาย้ายครูประจำปี ที่เปิดให้ยื่นขอย้ายในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก่อน หลังจากจัดการย้ายเสร็จสิ้นแล้วจะมีอัตราว่างเหลืออีก ก็จะสามารถไปเรียกใช้บัญชีจากการสอบบรรจุได้อีก แต่คงต้องเป็นหลังจากที่ได้เรียก และมีการออกคำสั่งบรรจุแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วทั้ง 1800 อัตราก่อน

     ฉะนั้นการสอบขึ้นบัญชีครั้งนี้ เชื่อได้ว่าคนที่ได้บรรจุจริงจะมีมากกว่า 1,800 กว่าอัตราแน่นอน โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเรียกบรรจุได้ถึง 5,000-6,000 อัตรา ดังนั้นผู้ที่สอบขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี มีโอกาสที่จะได้เรียกบรรจุเกือบหมด 

      ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า ได้กำชับกับนายอภิชาติ ตลอดว่าต้องดูแลการจัดสอบครั้งนี้อย่างเข้มงวด และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตซ้ำรอย แต่ก็ต้องอาศัยทุกคนช่วยดูแลด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกขั้นตอนมีหลักเกณฑ์ควบคุมอยู่แล้ว และ สพฐ.ก็มีแนวทางป้องกันอย่างเต็มที่เช่นกันเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต 

ที่มา สยามรัฐ วันที่ 30 มีนาคม 2557

โพสต์เมื่อ 31 มี.ค. 2557 อ่าน 14252 | 0 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 190]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2706]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1081]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5607]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2425]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)