คำสั่งอย่างไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง



คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ. : คำสั่งอย่างไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง


ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.

วันนี้ สถานี ก.ค.ศ. จะขอพูดถึงการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 98 กำหนดให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เช่น

กรณีผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วยหรือครูที่ยังไม่มีวิทยฐานะ ผู้ที่มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน

ถ้าผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ บุคลากรอื่นตามมาตรา 38 ค (2)และผู้ที่มีวิทยฐานะชำนาญการ ชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ ผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นต้น

หากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงโดยผู้ที่ไม่มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด (ไม่ใช่ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53) จะทำให้การสอบสวนที่ดำเนินการมาทั้งหมดต้องเสียไป และต้องถูกเพิกถอนกระบวนการทั้งหมด แล้วกลับไปตั้งต้นดำเนินการมาใหม่ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดเพราะในเมื่อผู้สั่งแต่งตั้งไม่มีอำนาจ คำสั่งนั้นย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ การดำเนินการจากคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย มีผลทำให้สำนวนการสอบสวนเสียไปทั้งหมด

เช่น กรณีครูผู้ช่วยโรงเรียนแห่งหนึ่งถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกัน 24 วัน ผู้อำนวยการโรงเรียนได้รายงานให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทราบ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จึงตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกับครูผู้ช่วยนั้น และผลการสอบสวนได้สั่งลงโทษไล่ครูผู้ช่วยออกจากราชการ เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า ผู้มีอำนาจตั้งกรรมการสอบสวนครูผู้ช่วยคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ไม่ใช่ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งครูผู้ช่วย ตามมาตรา 53 จึงทำให้คำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนที่ลงนามโดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้สำนวนการสอบสวนเสียไปทั้งหมด จึงต้องสั่งเพิกถอนกระบวนการทั้งหมดแล้วไปดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง

ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องตรวจสอบให้ดีว่า ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง เป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 หรือไม่ มิฉะนั้นจะทำให้เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และจะมีผลทำให้กระบวนการสอบสวนเสียไปทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เสียทั้งเวลา เสียทั้งงบประมาณ รวมทั้งเสียความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นขอพึงระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวให้มากด้วยฉบับหน้าพบกันใหม่จะได้นำเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงว่าเป็นอย่างไรบ้างมาเสนอค่ะ


ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 19 มี.ค. 2555 (กรอบบ่าย)

โพสต์เมื่อ 19 มี.ค. 2555 อ่าน 18853 | 3 ความเห็น

·····

เรื่องอื่นๆ


สพฐ.ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) [อ่าน 193]
ก.ค.ศ.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา [อ่าน 2713]
ก.ค.ศ.เห็นชอบปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่ง สายงานบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา ควรต้องผ่านการเป็นรองผู้อำนวยการฯ มาก่อน และควรมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าชำนาญการพิเศษ [อ่าน 1085]
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2567 [อ่าน 5644]
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. [อ่าน 2428]

·····

จัดทำเว็บไซต์โดย นายอดิศร ก้อนคำ (ครูโจ้)