ครูบ้านนอก

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ

ผู้วิจัย ว่าที่ร้อยตรีฤทธิชา บัวศิริ

ปีที่พิมพ์ 2567

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว ที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methodology) แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ปัจจัยการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว ที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน หลักการ แนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ครูผู้สอนในศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว จำนวน 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ระยะที่ 2 สร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็น ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยการนำข้อมูลที่ได้จาก ระยะที่ 1 มายกร่างรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และนำร่างรูปแบบฯ ไปขอรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญชุดที่ 1 จำนวน 10 คน เกี่ยวกับ องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และนำร่างรูปแบบฯ ที่ได้รับการเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญชุดที่ 1 นำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญชุดที่ 2 จำนวน 9 คน เพื่อประเมินความเหมาะสมของรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์และแบบประเมิน ระยะที่ 3 ทดลองใช้และประเมินผลการใช้ รูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ นำรูปแบบไปกับครูศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว จำนวน 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินรูปแบบฯ คู่มือการใช้รูปแบบฯ แบบประเมินประสิทธิผลในการนำรูปแบบฯ ไปใช้ และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบฯ ระยะที่ 4 ประเมินรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด สระแก้ว จำนวน 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินรูปแบบฯ ด้านความเป็นประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ ด้านความถูกต้องครอบคลุมและด้านความเหมาะสม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าความถี่ (Frequency) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ของ Pearson (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient) ค่าสมการถดถอย พหุคูณ (Multiple Regression by Stepwise) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว พบว่า ปัจจัยทุกด้านส่งผลต่อการเป็นชุมชนแห่ง การเรียนรู้ทางวิชาชีพของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว ได้ร้อยละ 73.6 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

2. รูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) กระบวนการสร้างของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 การสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วม องค์ประกอบที่ 2 การสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วม องค์ประกอบที่ 3 การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย องค์ประกอบที่ 4 การร่วมเรียนรู้และประยุกต์ใช้ และ องค์ประกอบที่ 5 การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (4) กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวิเคราะห์ (Analyze) ขั้นวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Plan) ขั้นเปิดชั้นเรียนและการสังเกตชั้นเรียน (Teaching and Observation) ขั้นสะท้อนคิดเพื่อการพัฒนา (Reflect) และขั้นสรุป แก้ไขปรับปรุง และพัฒนาต่อเนื่อง (Revise) (5) ผลลัพธ์ และ (6) เงื่อนไขความสำเร็จ โดยรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด

3. ผลการทดลองใช้และประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสระแก้วเพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ พบว่า ประสิทธิผลในการนำรูปแบบฯ ประสิทธิผลในการนำรูปแบบฯ ไปใช้ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 94.55 ในด้านคุณภาพของผู้เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 97.88 และ ผลความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการนำคู่มือการใช้รูปแบบฯ ไปใช้ ของครูประจำหน่วยบริการ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.79, S.D. = 0.19) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบฯ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.68, S.D. = 0.45)

4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระแก้ว เพื่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.79, S.D. = 0.15) โดยประเด็นการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านความเป็นประโยชน์ รองลงมา คือ ด้านความเป็นไปได้ ด้านความถูกต้องครอบคลุมและด้านความเหมาะสม ตามลำดับ

เว็บน่าสนใจ