"งมง้าย...งมงาย"

เชื่อว่าหลายคนยังคิดแบบนี้กับศาสตร์อย่าง "โหราศาสตร์" กันอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองทุกเรื่องเป็นเหตุ เป็นผล ตามหลักวิทยาศาสตร์ มากกว่าจะเชื่อเรื่อง "หมอดู" คู่ "หมอเดา"

ถึงอย่างนั้น...ก็เถอะ!!

ยังมีคนรุ่นใหม่หลายคน "มองต่างมุม" หันมา "ศึกษา" ศาสตร์นี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ตามโรงเรียนสอนโหราศาสตร์ต่างๆ ตั้งตัวเป็น "หมอดู" (สมัครเล่น) เพราะมองเห็นแง่งามบางอย่างในศาสตร์แขนงนี้!!

อาจารย์สอนโหราศาสตร์จากสถาบันโหราศาสตร์นานาชาติ น.ส.กัญญ์ธนันทน์ ภัทรธิติพรกุล บอกว่า ช่วงสองปีที่ผ่านมา มีคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเรียนโหราศาสตร์มากขึ้น จากที่แทบจะไม่มีเลย ขณะนี้เพิ่มขึ้นมา 40 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งนักศึกษาอายุ 18-19 ปี บัณฑิตจบใหม่ อายุ 22-25 ปี นอกจากนี้ยังมีแพทย์ ทนายความ วิศวกร สถาปนิก มัณฑนากร ผู้บริหาร พนักงานขายประกัน วิชาที่นิยมเรียนมากที่สุด คือ โหราศาสตร์ไทย เลข 7 ตัว 9 ฐาน ฮวงจุ้ย ลายมือ ไพ่ยิปซี

"คนสนใจมาเรียนเพราะต้องการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไปช่วยในการทำงาน ในการดูเพื่อน คบคน หรือใช้เป็นอาชีพเสริมหารายได้พิเศษ อย่างพนักงานขายประกัน มาเรียนเพื่อเป็นเทคนิคไปคุยกับลูกค้า วิศวกร สถาปนิก มัณฑนากร ส่วนใหญ่เรียนฮวงจุ้ยเพื่อนำไปช่วยเสริมการทำงาน ให้สร้างบ้าน ตกแต่งบ้านตรงตามฮวงจุ้ยที่ดี ส่วนทนายความ เรียนเพราะต้องการศึกษาชีวิตคน ดูว่าลูกความที่รับว่าความให้มีดวงชะตาเป็นอย่างไร มีดวงที่จะชนะหรือแพ้ในการดำเนินคดี ด้านแพทย์ เรียนเพื่อให้ประกอบในการรักษาคนไข้ ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีที่หาโรคคนไข้ไม่เจอว่าป่วยเป็นโรคอะไร การทำนายดวงชะตา ก็จะช่วยพยากรณ์คร่าวๆ ได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร บริเวณไหน สำหรับวัยรุ่น ส่วนใหญ่เรียนไพ่ยิปซี เพื่อไปดูกันเองในหมู่เพื่อน นอกจากนี้ บางคนที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก มาเรียนเพื่อใช้เป็นอาชีพเสริม หารายได้พิเศษที่นู่นก็มี" ครูสอนโหราศาสตร์แจกแจง

บอกได้คำเดียวว่า "ฮิต!!"

หนุ่มนักธุรกิจ อายุ 24 ปี ที่สนใจเรียน "หมอดู" วิชาโหราศาสตร์ไทย และ ฮวงจุ้ย "จิ้ว" นายชยวัฒน์ สถิรศาสตร์ บอกเหตุผลที่สนใจเรียนว่า คนไทยมีความเชื่อเรื่องนี้เยอะ การมีวิชาหมอดูติดตัวเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เข้ากับคนง่าย อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อีกด้วย แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่คิดว่าโหราศาสตร์เป็นเรื่องงมงาย แต่เป็นอีกหนึ่งวิชาความรู้ที่รู้ไว้ไม่เสียหลาย

"เมื่อก่อนผมเป็นคนเข้ากับคนยาก แต่พอดูหมอเป็นก็ทำให้เข้ากับคนง่ายขึ้น บางทีคุยงานกับลูกค้า เครียดๆ ก็ชวนกันคุยเรื่องนี้ มันก็ช่วยให้เรารู้จักกันดีขึ้น นอกจากนี้ ครอบครัวผมทำธุรกิจบ้านจัดสรร พอบอกว่า เรามีบริการหลังการขายดูฮวงจุ้ยให้ มันก็ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าความสนใจลูกค้าได้"

ด้าน "ตาล" น.ส.ปัญจรัตน์ เดชกุลชร อายุ 24 ปี ช่างภาพอิสระคนนี้บอกเหตุผลที่ลงเรียนโหราศาสตร์ไทย 7 ตัว 9 ฐาน และโหงวเฮ้ง เพราะความสนใจใคร่รู้ เธอเล่าว่า ตอนเรียนใหม่ๆ ยากมาก เพราะข้อมูลเยอะ แต่หลังจากมีชั่วโมงบินในการดูดวงมากขึ้น เธอพบว่า การดูดวงของหมอดูจะแม่นแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ไม่ได้แม่นหรือถูกทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้สนใจเรียนหมอดูเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือแม้แต่ข้าราชการ พยาบาล พนักงานบริษัท จุดประสงค์ที่มาเรียนส่วนใหญ่ เพื่อเป็นวิชาไปดูดวงให้ตัวเอง และเรียนเพื่อเป็นอาชีพเสริมก็มี

"หมอดูเป็นอาชีพที่ยากจะตายไปจากสังคม ไม่ว่าวิชาการจะเจริญอย่างไร แต่ศาสตร์นี้เป็นส่วนหนึ่งที่สังคมยังใช้ยึดเหนี่ยว ถามว่างมงายไหม ถึงเรียนมาเองยังคิดว่าเชื่อตัวเองดีที่สุด ชีวิตจะดีหรือร้ายอยู่ที่การกระทำ คำทำนายทายทักเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น เป็นสิ่งที่แนะนำชีวิต ไม่กำหนดชีวิต"

อย่างไรก็ตาม โหราศาสตร์ เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล