|
เด็กหญิงมิเชล ตอนเรียนอยู่ไฮสกูล |
|
|
เพิ่งจะเอ่ยถึง มิเชล โอบามา ในเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมไปเมื่อไม่กี่ฉบับที่ผ่านมา แต่ต้องกลับมาเขียนเรื่องราวของเธออีอกครั้ง เนื่องเพราะตอนนี้ไม่ว่าสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ จะขยับไปทำอะไรก็จะเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งเสียหมด
อย่างเรื่อง “โหงวเฮ้ง” อย่างเด่นชัดที่ “เปลี่ยนแปลง” ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้ ใครเลยจะคาดคิดว่า มิเชล โรบินสัน เด็กหญิงวัยรุ่นผิวสีคนนี้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะกลายเป็นสตรีหมายเลข 1 ของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่หากจะมองย้อนหลังไปด้วยความสังเกตให้ดีแล้ว จะเห็นว่าเธอฉายแสงให้เห็นแววเด่นมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นแล้ว
|
|
ปี1980 ในรูปลักษณ์นักกฎหมายสาว |
|
|
|
อย่างเช่นในยุค 70s ซึ่งเธออยู่ในวัยทีน เธอก็จะเลือกใช้สีเหลืองจ้า ที่ใช้ศัพท์ทางเทคนิคว่า “Chinese Yellow” เป็นหนึ่งในสีโปรดของเธอ ที่นำมาใช้ในการแต่งตัว และการเลือกใช้ผ้าที่ส่งประกายแบบผ้าไหม ที่จะทำให้เธอดูเด่นกว่าใครๆ อีกทั้งยังรู้จักการดูแลรักษาเส้นผม ซึ่งเธอจะจัดทรงให้รับกับใบหน้า ที่ทำให้เธอดูพิเศษกว่าสาววัยรุ่นคนอื่นๆ
เมื่อย่างเข้าสู่อาชีพของนักกฎหมายในยุค 80s หรือที่เราเรียกกันว่ายุคดิสโก้ แม้เธอจะยังไม่มีรายได้ที่ดีนักก็ตาม แต่เธอก็รู้จักที่จะใช้เครื่องแต่งกายที่เข้ากับบุคลิก ที่ดูทะมัดทะแมงและเสริมบุคลิกด้วย ต่างหูห่วงกลม อันช่วยให้วงหน้าดูเด่นชัด แสดงให้เห็นถึงรสนิยมที่รู้จักเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับเสื้อผ้าและบุคลิก ทำให้เธอดูเด่นและเป็นตัวของตัวเอง สร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นได้อย่างดี
|
เมื่อเข้าสู่พิธีแต่งงานกับ บารัค โอบามา ในปี 1992 เธอเลือกชุดแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือแทนที่จะเลือกชุดแต่งงานที่ฟูฟ่องฟู่ฟ่า เธอกลับเลือกชุดเข้ารูปแขนยาวกระชับรูปร่างและสัดส่วน ที่ส่งให้เห็นถึงความสง่าจากหัวไหล่ที่รับกับต้นแขนตลอดจนถึงรูปร่าง แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก นอกจากนั้น เธอยังรู้จักที่จะเคลื่อนไหวและการหยุดยืนตรงในอิริยาบถที่ส่งให้ท่าทางของเธอดูสง่างามยิ่งขึ้นในเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม
|
จนเมื่อ บารัค โอบามา สามีของเธอได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิก นั่นคือการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ที่มิเชลต้องปรับปรุงบุคลิกของเธอ จากนักกฎหมายที่ช่วยสามีหาเสียงในฐานะของแม่บ้าน ภรรยา และคู่คิด เธอต้องออกสังคมในฐานะภรรยาของนักการเมือง ผู้แทนของรัฐสำคัญที่ประชาชนทั้งประเทศจับตามอง คราวนี้เธอต้องพึ่งพานักออกแบบในการเลือกเครื่องแต่งกาย และเสื้อผ้าให้ถูกต้องและดูดีกว่าเดิม เพราะเธอต้องอยู่เคียงข้างสามีในฐานะของตัวแทนของรัฐ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้สมัครเป็นตัวแทนรัฐเช่นก่อนหน้านี้
ภาระหน้าที่ที่ต้องติดตามสามีสู่สาธารณะมากขึ้น เธอก็ยิ่งพิถีพิถันและเอาใจใส่ต่อตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งนี้ เธอเรียนรู้เอาจากภาพลักษณ์ของภริยาของบุคคลสำคัญๆก่อนหน้านี้ มิใช่เพื่อที่จะเลียนแบบ หากแต่เธอต้องการที่จะดูแบบอย่างว่าภรรยาของผู้นำแต่ละคนมีข้อดี ข้อเด่น และข้อบกพร่องใดบ้าง และเธอก็จะเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆเหล่านี้มาประมวล เพื่อดูว่าอะไรควรและไม่ควรสำหรับตัวเธอเอง
|
|
|
สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ |
|
|
จนในที่สุดเมื่อเธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของ “สตรีหมายเลข 1” ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เธอก็เป็นเช่นเดียวกับสโลแกนคำเดียวของสามีเธอที่ใช้ในการหาเสียง นั่นก็คือ “CHANGE” นั่นเอง ด้วยเธอพยายามเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวของเธออีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่วันสาบานตนของสามี จนเธอต้องติดตามสามีออกสู่ประเทศอื่นๆ ในงานสำคัญๆ ตั้งแต่การประชุมผู้นำทางเศรษฐกิจที่อังกฤษ การเข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่ II ที่เธอได้รับทั้งคำชมเชย และคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในเรื่องกิริยามารยาท และเครื่องแต่งกายจากสื่อต่างๆ ทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวาง
|
|
อีกรูปลักษณ์หนึ่งในแบบฉบับมิเชล โอบามา |
|
|
แต่อย่างไรก็ดี เสียงสะท้อนจากสื่อสารมวลชนต่อ มิเชล โอบามา ที่มีอย่างต่อเนื่องนั้น เธอเป็นผู้ที่ได้รับคำชมมากกว่าคำตำหนิมากมายนัก เพราะด้วยจากบุคลิกที่ดูอบอุ่น และเปิดเผย รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าแสดงถึงความจริงใจ และความมั่นใจของเธอที่แสดงออกอย่างเด่นชัด ทำให้เธอกลายเป็นสตรีที่ได้รับคำชมมากที่สุดในขณะนี้ ทั้งในเรื่องของการแต่งกายและการวางตนในฐานะ “สตรีหมายเลข 1” ของสหรัฐอเมริกา เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมภาพพจน์ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ให้ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงที่เป็นปัจจัยสำคัญในการปกครองประเทศจนครบวาระ
|