ตอนได้ดูหนังเรื่อง The Mistress of Spices ทางเคเบิล ผมบอกตัวเองว่า"นางเอกสวยจัง"..
          ต่อมาจึงรู้ว่า เมื่อตอนที่เธอปรากฎตัวในภาพยนตร์เรื่อง DEVDAS เมื่อปี 2002 จูเลีย โรเบิร์ตส์ นางเอกอันดับต้นๆของฮอลลี่วู้ดเห็นเธอจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงกับตะลึงแล้วหลุดปากว่า “เธอเป็นผู้หญิงสวยที่สุดในโลก”
          จากนั้น..เธอก็เป็นหญิงสาวชาวอินเดียคนแรก ที่ถูกเลือกให้คงร่างอมตะอยู่ในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดาม ทุซโซด์ ที่มหานครลอนดอน
          เธอชื่อ ไอศวรรยา ไร ( Aishwarya Rai) อดีตนักศึกษาสถาปัตย์ ที่กลายเป็นเจ้าของมงกุฏมิสเวิลด์ปี 1994 ผู้ที่นิตยสาร Times จัดให้เป็นหนึ่งใน "บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุด 100 คนบนโลก" เมื่อปี 2003 และถูกเรียกว่า"ผู้หญิงที่งามเย้ายวนที่สุดในโลก" ของนิตยสารต่างๆ เช่น  Hello Magazine, Stuff Magazine, FHM, Variety Magazine, GQ, New York Times, Harper’s & Queen และมีคนทำเวบไซต์ให้เธอมากกว่า 17,000 เวบ
          ทุกอย่างข้างต้น...คงยืนยัน"ความสวย"ของเธอได้แน่นอน

The Mistress of Spices

          ผมเขียนเรื่องนี้เพราะกำลังรอชมภาพยนตร์ใหม่ของเธอ..
          ภาพยนนตร์เรื่องนั้นคือ Taj Mahal: An Eternal Love Story  ที่เธอจะร่วมงานกับ เบน คิงสลีย์ ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์ในบท"มหาตมะ คานธี" โดยคิงสลีย์ จะรับบทเป็นกษัตริย์ ชาห์ จาฮาน ผู้มอบความรักเพียงหนึ่งเดียวให้กับพระชายา มุมทัซ มาฮาล ที่ ไอศวรรยา ไร จะสวมบทบาทนี้
          ภาพยนตร์เรื่องนี้ กำลังเป็นที่รอชมของคนทั้งโลก และทุกคนรอคอยที่จะเห็น"ตำนานรัก"ที่ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อ ทัช มาฮาล
          อนุสรณ์สถานแห่งความรักที่จักรพรรดิ์ ชาห์ จาฮาน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงมเหสีแสนสวย ..มุมทัซ มาฮาล

          ทัชมาฮาล (ตาช มฮัล) มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาอาหรับ ตาจญ์ (มงกุฎ) และ มะฮัล (สถาน)
          นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้นอนุสรณ์สถานแห่งความรักของจักรพรรดิชาห์ จาฮาน จักรพรรดิมุสลิมองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์โมกุล ที่มีต่อพระมเหสีนาม มุมทัซ มาฮาล
          ตำนานรักของมั้งสองเกิดขึ้นเมื่อครั้งจักรพรรดิ์ยังทรงพระยศเป็น"เจ้าชายขุร์รัม" และทันทีที่พบหน้า อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เชื้อสายเปอร์เซีย ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักสาวงามนางนี้ จึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปี และไปบอกพระบิดาว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรสาวของรัฐมนตรี
          อีก 5 ปีต่อมา เมื่อพระองค์อายุ 19 พิธีอภิเษกจึงถูกจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2155 และหลังอภิเษก ทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันเลย

          ต่อมา ในปี พ.ศ.2171 เจ้าชายขุร์รัม ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาในปี พ.ศ. 2171 ในนามจักรพรรดิชาห์ จาฮาน พระองค์ก็ให้ อรชุมันท์ พานุ เพคุม เปลี่ยนพระนามเป็น"มุมตัซ มาฮาล" ที่แปลว่า"อัญมณีแห่งราชวัง"
          พระนางมุมตัซ ไม่เคยห่างจากพระสวามีไม่ว่าจะอยู่ในพระราชวังหรือสนามรบ
          กระทั่งเมื่อจักรพรรดิ์ ชาห์ จาฮาน ยกทัพไปปราบกบฏข่าน พระราชินี มุมตัช มาฮาล ก็ติดตามไปด้วยทั้งที่ทรงครรภ์ใก้มีพระประสูติกาล และเมื่อปราบกบฏราบคาบ ทั้งสองเสด็จกลับเมืองมุระหันปุระ พระราชินีมุมตัช มาฮาล ก็ทรงคลอดพระราชโอรส แต่พระนางตกเลือดมาก หลังทรงคลอดเพียงชั่วโมงเดียว พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ในอ้อมกอดของพระสวามี
          ก่อนจะสิ้นพระชนม์ พระราชนิ มุมตัช มาฮาล ทรงขอร้องพระสวามี 2 ข้อด้วยกัน คืออย่ามีภรรยาใหม่ และขอให้ทรงสร้างอนุสาวรีย์ที่ฝังศพของเธอให้งดงาม เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้ได้ ซึ่งจักพรรดิ์ทรงรับปากปฏิบัติตามทุกอย่าง
          และนั่นคือที่มาของ ทัช มาฮาล ...หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

จักรพรรดิ์ ชาห์ จาฮาน -มุมทัซ มาฮาล

          การสร้างทัชมาฮาลนั้น เริ่มหลังจากพระนางมุมตัซสิ้นพระชนม์ 3 ปี
          ที่สร้างช้า เนื่องเพราะ 3 ปีหลังพระมเหสีสิ้นพระชนม์ จักรพรรดิ์ชาห์ จาฮาน หมกมุ่นจมปลักอยู่ในความทุกข์ตลอดเวลา มิได้ยิ้ม มิได้หัวเราะ และมิได้สนใจต่อพระองค์เอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนผมดำกลายเป็นผมขาวทั้งศีรษะ ทุกวันพระองค์จะนุ่งขาวห่มขาว ไปนั่งรำพันถึงมุมตัช มาฮาล ข้างหลุมศพ บางครั้งกอดหลุมศพรำพันอย่างเสียสติ
          สุดท้าย..พระองค์จึงระลึกได้ถึงสัญญา จึงหาสถานที่ก่อสร้างอนุสรณ์แห่งความรัก โดยเลือกบริเวณฝั่งขวาแม่น้ำยมนา ตอนโค้งที่สวยงามและเหมาะที่สุด มีเนื้อที่ 125 ไร่ 

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต