ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ บัวพันธ์ ไชยพร จากจังหวัด |
|
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ |
โพสต์เมื่อวันที่ : 21 ก.พ. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6409 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (52.00%-5 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
![เพิ่มเพื่อน](http://biz.line.naver.jp/line_business/img/btn/addfriends_en.png) |
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
ชื่อเรื่อง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือ
เทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางบัวพันธ์ ไชยพร
ที่ปรึกษา นายสุดใจ อิโน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสังข์สงยาง(คุรุราษฎร์วิทยา)
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านสังข์สงยาง(คุรุราษฎร์วิทยา)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ดเขต 1
ปี พ.ศ. 2551
บทคัดย่อ
คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานในการศึกษาวิทยาการสาขาอื่น ๆ ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดให้เป็นคนคิดอย่างมีเหตุผล มีระเบียบวิธีในการคิด มีความช่างสังเกต แต่การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษาพบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับไม่น่าพอใจ ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ จึงมีความมุ่งหมายเพื่อ (1) พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 (2). ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร (4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนกับหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (5) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเมื่อผ่านการทดสอบหลังเรียนไปแล้ว 14 วัน ของนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านสังข์สงยาง (คุรุราษฎร์วิทยา) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 จำนวนนักเรียน 32 คน จากห้องเรียน 1 ห้อง ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 3 ชนิด คือ (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 แผน ทำการสอนแผนละ 1 ชั่วโมงแต่ละแผนประกอบด้วย แบบทดสอบย่อย ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 8 แผน แบบทดสอบแบบเติมคำ จำนวน 9 แผน และแบบทดสอบอัตนัย 3 แผน และแบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ชนิดตรวจสอบรายการ (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ (3) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏ ดังนี้
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 93.73/84.79 และดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.6265 หรือคิดเป็นร้อยละ 62.66
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก
3. นักเรียนที่เรียนรู้โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเมื่อผ่านการทดสอบหลังเรียนไปแล้ว 14 วัน ไม่แตกต่างกัน
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล เหมาะสม
ครูผู้สอนคณิตศาสตร์ สามารถนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์เรื่องอื่น ๆ และในระดับชั้นต่าง ๆ ได้ เพื่อช่วยให้นักเรียนมีความรู้พื้นฐานในการเรียนระดับชั้นสูงขึ้นไป และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้
![](http://www.kroobannok.com/images/quote_close.png) .....
Advertisement
|