ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ รุ่งอรุณ เขินกลาง จากจังหวัด nakhonratchasima |
|
ความรัก การแต่งงาน |
โพสต์เมื่อวันที่ : 7 ก.พ. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6420 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (26.67%-3 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
..... ใกล้ถึงวันแห่งความรักแล้ว ก็เลยจะเขียนให้คนที่กำลังมีความรักและหรือกำลังที่จะมีความรักให้เห็นความสำคัญของความรัก เพราะความรักทำให้โลกสดใส จิตใจเบิกบานเมื่อคิดถึงความรัก ความรักเกิดขึ้นสานสัมพันธ์เป็นความห่วงใยตกลงใจที่จะแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวและความมั่นคงให้กับชีวิต แต่การแต่งงานของคนในปัจจุบันนั้นดูแล้วไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักเลย
เป้าหมายแห่งการแต่งงานอยู่ที่การสร้างครอบครัวที่มีแต่ความรักใคร่กลมเกลียวโดยไม่มีการหย่าร้างสามีภรรยาจะบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีการปฏิบัติธรรมร่วมกันการปฏิบัติธรรมจะช่วยให้ชีวิตคู่เข้มแข็งมั่นคงพอที่จะฝ่ามรสุมต่างๆไปได้ ดังนั้นคู่สามีภรรยาที่ต้องการมีชีวิตการแต่งงานที่ยั่งยืนตลอดไปต้องร่วมกันปฏิบัติธรรม
คำว่า ธรรม ในที่นี้หมายถึงคุณธรรมและจริยธรรม
คุณธรรมได้แก่ คุณสมบัติที่ดีภายในจิตใจ เช่น ความรัก ความสงสารซึ่งช่วยให้คนเราทำหน้าที่ของสามีภรรยาได้โดยไม่ต้องฝืนใจ
จริยธรรมได้แก่หลักแห่งความประพฤติที่ดีงามที่จะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของตนเอง ครอบครัวและสังคม จริยธรรมเป็นข้อปฏิบัติซึ่งกำหนดไว้โดยศาสนา วัฒนธรรมประเพณีและกฎหมายว่าอะไรเป็นหน้าที่ที่สามีภรรยาจะต้องทำเพื่อความผาสุกแห่งครอบครัว
จริยธรรมเป็นเรื่องการควบคุมพฤติกรรมที่แสดงออกทางกายและทางวาจาซึ่งคนอื่นสามารถรับรู้และประเมินได้ว่าเรามีจริยธรรมมากน้อยเพียงใด เช่นการที่สามีภรรยาต้องให้เกียรติกันและกันเป็นจริยธรรมอย่างหนึ่งคนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ว่าสามีภรรยาคู่นี้ให้เกียรติกันและกันหรือไม่ตรงกันข้ามกับคุณธรรมซึ่งเป็นเรื่องภายในจิตใจซึ่งยากที่คนทั่วไปจะตรวจสอบได้ว่ามีมากน้อยเพียงใดเช่น ความรักเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งคนอื่นไม่สามารถจะมองเห็นความรักภายในจิตใจของเราว่ามีมากน้อยเพียงใดเท่าที่คนทั่วไปจะทำได้ก็คือคาดคะเนจากพฤติกรรมภายนอกของเราว่าเรามีความรักในใจมากน้อยแค่ไหน
คุณธรรมเป็นรากฐานของจริยธรรม เมื่อสามีมีคุณธรรมคือความรักภรรยาอยู่ในหัวใจเขาก็จะปฏิบัติหน้าที่ของสามีต่อภรรยาโดยไม่ต้องฝืนใจความรักทำให้สามียอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัวของเขา ดังนั้นความรักจึงเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตการแต่งงานคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันด้วยความรักจะสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดีกว่าคู่ที่แต่งงานกันโดยไม่มีความรักเพราะความรักจะทำให้คู่รักยอมลงให้กันและทนกันได้
คำว่าความรักในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เปมะได้แก่ ความรักใคร่หรือความรักแบบโรแมนติกซึ่งเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการ คือ (๑)บุพสันนิวาส หญิงชายเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนเมื่อเกิดใหม่มาพบกันในชาตินี้จึงเป็นเนื้อคู่กันและรักกัน (๒)การดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความรักแม้หญิงชายจะไม่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนทั้งคู่ก็รักกันได้เพราะความมีน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๒. เมตตาได้แก่ความปรารถนาดีหรือความหวังดีที่จะให้คนอื่นมีความสุขซึ่งเกิดจากการมองเห็นความดีงามหรือความน่ารักของคนอื่นแล้วเกิดความประทับใจจนถึงกับคิดส่งเสริมให้เขามีความดีงามหรือความน่ารักยิ่งๆขึ้นไป
ชีวิตการแต่งงานจะยั่งยืนนานถ้ามีความรักทั้งสองอย่างคือมีทั้งความรักแบบโรแมนติกและความรักแบบเมตตาเป็นพื้นฐานความรักแบบโรแมนติกสร้างความสุขความเพลินใจเมื่ออยู่ใกล้คนรักแต่ไฟแห่งความรักใคร่มักโชติช่วงอยู่ได้ไม่นานความเคยชินเพราะอยู่ด้วยกันมานานมักทำให้ความรักใคร่จืดจางไปได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีความรักแบบเมตตาตามประกบความรักใคร่เพื่อให้ความรักยั่งยืนยาวนาน
ความรักแบบโรแมนติกถูกความน่ารักน่าปรารถนาของคู่ครองเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดอารมณ์รักความรักใคร่นี้มีธรรมชาติไม่แน่นอน เวลาใดคนรักทำตัวมีเสน่ห์น่ารักเวลานั้นอารมณ์รักใคร่ก็จะเบ่งบานมีพลัง เวลาใดคนรักเอาแต่ใจทำตัวไม่น่ารักเวลานั้นความรักใคร่ก็จะอับเฉาร่วงโรยความรักใคร่แบบโรแมนติกจึงมีสภาวะขึ้นลงตามปัจจัยเงื่อนไขภายนอกอันได้แก่กิริยาอาการของคนรักเป็นสำคัญ
ความรักใคร่แบบโรแมนติกเกิดโดยสิ่งเร้าภายนอกจากคนรักเป็นสำคัญจึงมีสภาวะไม่คงที่ถาวรสามีภรรยาที่ประสงค์จะทำให้ความรักใคร่เข้มแข็งมั่นคงต้องผสมความรักแบบโรแมนติกด้วยความรักแบบเมตตา
ความรักแบบโรแมนติกเปรียบเหมือนรถยนต์ที่อาศัยคนอื่นคอยเติมเชื้อเพลิงให้อยู่เสมอจึงจะแล่นไปได้แต่ความรักแบบเมตตาเปรียบเหมือนรถยนต์ที่เจ้าของผลิตเชื้อเพลิงได้เองอย่างไม่มีขีดจำกัดจึงแล่นไปได้ตลอดเวลาทั้งนี้เพราะความรักแบบเมตตาเป็นสิ่งที่ใจเราสร้างขึ้นมาเองด้วยการฝึกมองให้เห็นความดีงามของคนอื่นคนเราจะมีเมตตาในใจได้ต้องฝึกมองโลกในแง่ดีถ้าสามีภรรยาสามารถฝึกใจให้มองแต่แง่ดีของคู่ครองต่างฝ่ายต่างจะรักกันและกันได้ตลอดเวลาแม้แต่ในยามที่อยู่ด้วยกันมานานจนข้อบกพร่องของอีกฝ่ายหนึ่งเริ่มปรากฏออกมาสามีภรรยาต้องสามารถทำใจให้มองข้ามข้อบกพร่องเหล่านั้นและเพ่งความสนใจไปอยู่ที่ความดีงามของคู่ครอง และต้องมีคุณธรรมพื้นฐานภายในจิตใจที่จะทำให้คู่บ่าวสาวสามารถปฏิบัติหน้าที่ของสามีภรรยาโดยไม่ต้องฝืนใจหน้าที่จัดเป็นจริยธรรมเพราะเป็นเรื่องที่ต้องประพฤติปฏิบัติพระพุทธเจ้าทรงแสดงหน้าที่ของสามีภรรยาไว้ในสิงคาลกสูตร ดังนี้
สามีต้องปฏิบัติบำรุงภรรยา ดังนี้
๑)ยกย่องให้เกียรติในฐานะภรรยา
๒)ไม่ดูหมิ่น
๓) ไม่นอกใจ
๔)มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน
๕)ให้เครื่องประดับเป็นของขวัญตามโอกาสอันควร
ภรรยาต้องปฏิบัติบำรุงสามี ดังนี้
๑)จัดการงานบ้านให้เรียบร้อย
๒)สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓)ไม่นอกใจ
๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง
เมื่อว่าตามแนวสิงคาลกสูตรนี้พิธีแต่งงานของชาวพุทธควรกำหนดให้คู่บ่าวสาวกล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระรัตนตรัยคือพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ตามแนวสิงคาลกสูตรโดยฝ่ายเจ้าบ่าวเริ่มก่อนว่า
" ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระรัตนตรัยว่าข้าพเจ้าจะรักและซื่อสัตย์ต่อภรรยาของข้าพเจ้าตลอดชีวิต จะยกย่องให้เกียรติไม่ดูหมิ่น ไม่นอกใจ มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านและให้เครื่องประดับเป็นของขวัญตามโอกาสอันควร"
ฝ่ายเจ้าสาวกล่าวว่า
"ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระรัตนตรัยว่าข้าพเจ้าจะรักและซื่อสัตย์ต่อสามีของข้าพเจ้าตลอดชีวิต จะจัดการงานบ้านให้เรียบร้อยสงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี ไม่นอกใจ รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้และขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง"
คำปฏิญาณของคู่บ่าวสาวนี้ควรถือเป็นหัวใจสำคัญของพิธีแต่งงานแบบพุทธ
จริยธรรมของสามีภรรยาในสิงคาลกสูตรนี้เน้นการแบ่งหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเป็นสำคัญนั่นคือ สามีเป็นฝ่ายทำงานหารายได้เข้าบ้าน ในขณะที่ภรรยาเป็นใหญ่ในงานบ้านแต่สามีภรรยาในยุคปัจจุบันอาจช่วยสนับสนุนบทบาทของกันและกันก็ได้ เช่นภรรยาออกไปทำงานหารายได้นอกบ้าน สามีช่วยภรรยาทำงานบ้าน แต่ไม่ว่าใครจะทำบทบาทใดสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจก็คือต้องมีเวลาให้ความรักและความอบอุ่นแก่สามีภรรยาและบุตรธิดาความรักและความอบอุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสมาชิกภายในครอบครัว บางทีความสำเร็จและความรุ่งเรืองในหน้าที่การงานนอกบ้านก็ไม่สามารถจะแทนที่ความรักและความอบอุ่นภายในบ้าน ความรักสามัคคีมีอยู่ในที่ใด ที่นั่นก็จะประสบความสำเร็จและความรุ่งโรจน์แต่ที่ใดเน้นแต่ความสำเร็จหรือความรุ่งโรจน์ ก็ไม่แน่ว่าที่นั่นจะมีความรัก
ความรักเป็นพื้นฐานของชีวิตครอบครัว เมื่อมีความรักอยู่ภายในบ้านความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองก็จะตามเข้าบ้านมาเองโดยไม่ชักช้า
Advertisement
|