ในช่วงเวลาทำงานของแต่ละอาชีพ คนหนุ่มที่ยังมีไฟ หรือผู้บริหารที่เคร่งเครียดมาทั้งวัน ล้วนมีวิธีการพักผ่อนเพื่อคลายเครียดด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไม่มี ชีวิตท่าจะแย่แล้วนะครับ เพราะความเครียดจะถามหา แล้วโรคต่างๆ ก็จะตามมาเป็นพรวนอีก

สิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้ คงไม่ใช่การบอกว่าคุณควรพักผ่อนอย่างไร เพราะเชื่อว่าทุกท่านต่างรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่นี่เป็นการจับคู่ ระหว่างรูปแบบของความเครียดกับวิธีการผ่อนคลายที่น่าสนใจมากกว่า

ความเครียดกับงานที่มีเส้นตาย
งานของนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักคิดสร้างสรรค์ทั้งหลาย ที่ต้องเกี่ยวพันกับเส้นตายในการส่งงาน ยิ่งใกล้ถึงเวลาส่งงานเท่าไหร่ สารอะดีนารีนในร่างกายก็จะหลั่งมากขึ้น ทำให้ความเครียดเพิ่มตามไปด้วย บางครั้ง เวลาที่กระชั้นชิด อาจทำให้คุณมึนงงจนคิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งเส้นตายมาถึง คุณก็ยังคิดไม่ออกอีกนั่นแหละ และความเครียดก็จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลร้ายต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

ทางออกที่ดีที่สุด คือพักสมองสักเดี๋ยว หรือพักให้เต็มที่หลังเลิกงาน ทันเหความสนใจไปกับสิ่งอื่นๆ ที่จะทำให้คุณผ่อนคลายลง โดยไม่ต้องคิดถึงเส้นตาย แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่

แม้ว่าการผ่อนคลายจะยิ่งทำให้เวลาที่เหลือน้อยลงก็ตาม แต่เมื่อสมองได้พัก สองตาหันไปชมนกชมไม้ต้นไม้ หรือลุกจากโต๊ะทำงาน อยู่ให้ห่างมันสัก 5-10 นาที ความคิดดีๆ จะกลับคืนมา ปริมาณสารอดีนารีนก็ไม่เพิ่มขึ้น คุณก็จะคิดงานออกและทำได้เร็วกว่าเดิม ยิ่งถ้าได้พักสบายๆ กับสายลม แสงแดดกับการพักร้อนไปเลยละก็ สมองก็จะยิ่งปลอดโปร่งมากขึ้นเท่านั้น กลับมานั่งโต๊ะทำงานอีกที มันก็ไม่ทำให้คุณปวดหัวแล้วหล่ะ

เครียดจากการตัดสินใจครั้งสำคัญ
นักธุรกิจและบรรดาเจ้านายระดับบริหาร มักจะต้องเผชิญหน้ากับความเครียดลักษณะนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจในนโยบายบริษัท การตัดสินใจลดทุนหรือเพิ่มทุน หรือจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม

ทางออกก็คือ ฟังดนตรีคลายเครียดครับ บางครั้งก่อนตัดสินใจ ผู้บริหารอาจจำเป็นต้องทำตัวเป็นศิลปิน สวมวิญญาณศิลปินที่สนใจงานศิลปะบ้าง โดยเฉพาะดนตรี เพราะเสียงดนตรีช่วยทำให้สมองโปร่งโล่งขึ้น และเหมาะสำหรับการผ่อนคลายความเครียดของผู้บริหาร ที่ต้องใช้การตัดสินใจภายใต้ความละเอียดรอบคอบ แต่มีข้อแม้ว่า คุณควรฟังดนตรีบ่อยๆ ไม่ใช่ฟังเฉพาะตัดสินใจเท่านั้น ฟังให้เป็นนิสัยในช่วงหลังเลิกงานนั่นแหละ ฝึกไว้เพื่อเป็นการเรียนรู้วิธีบำบัดจากเสียงดนตรีให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

ความเครียดจากการสวมหน้ากากรอยยิ้มทั้งวัน
ผู้ที่ประสบปัญหานี้ก็คือพนักงานขาย พนักงานต้อนรับ พนักงานบริการ และงานทั้งหลายที่คุณต้องพบปะผู้คนด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่บางครั้งคุณแทบจะยิ้มไม่ออก ก็จำเป็นต้องสวมหน้ากากยิ้มให้ผู้พบเห็นได้ชื่นใจ แถมยังต้องคอยดูแลเทคแคร์คนหลายจำพวกอีกต่างหาก

ถ้ารู้สึกเครียดขึ้นมา ก็ควรปลีกตัวหรือเวลาว่างหลังเลิกงานออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ยกน้ำหนัก หรือซ้อมชกกับกระสอบ เป็นการระบายความเครียดได้ดีเชียวหล่ะ ยิ่งถ้ามีใครสักคนที่คุณไม่ชอบหน้า แต่จำเป็นต้องยิ้มและต้อนรับดูแลเขาบ่อยๆ นึกถึงหน้าหมอนั่นไว้ แล้วอัดใส่กระสอบเต็มๆ หมัด รับรองว่าคุณสามารถยิ้มกับเขาได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

เครียดหรือเบื่อกับงานที่ซ้ำซากเหมือนเดิมทุกวัน
พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารที่ดูแลการฝาก-ถอนเงิน หรือการเขียนรายงานประชุมที่เหมือนๆ เดิมทุกครั้ง เลขานุการของเจ้านายที่ทำงานจนรู้ใจไปหมด พนักงานบัญชี รวมทั้งงานบริการในแบบซ้ำซากจำเจ เมื่องานทำให้คุณเบื่อเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มเครียดไปกับมันด้วยเมื่อนั้น เพราะคุณไม่สนุกกับการทำงานแล้วนะซิ

ทางออกก็คือ ลองใช้เวลาหลังเลิกงานเรียนรุ้สิ่งใหม่ๆ เช่น เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชำนาญการเรื่องไวน์หรือเบียร์ สามารถแยกแยะความแตกต่างของรถชาติ คุณอาจทำให้งานอดิเรกกลายเป็นงานที่ตื่นเต้นสนุกสนาน ทั้งยังให้ความรู้ผ่านข้อเขียนได้อีกด้วย หาอะไรตื่นเต้นให้กับตัวเองหลังเลิกงานซิครับ แล้วงานประจำที่น่าเบื่อก็จะไม่น่าเบื่อและไม่ชวนให้เครียดอีกต่อไป

ขอขอบคุณ สุทธิรักษ์.คอม

Advertisement