หน้ากากคน....คนผีผี

วันผีๆ อย่างฮาโลวีนผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานมานี้......
งานสนุกสนานของฝรั่งมังค่าที่ทำให้กับเด็กๆ
เหมือนกับงานผีตาโขนของเมืองไทย
สนุกสนาน รื่นเริง และมีชีวิตชีวา
และกลายเป็นงานประเพณีที่สืบทอดกันมานานแสนนาน

งานผีๆ อย่างนี้ คนที่จะแปลงกายเป็นผี
ก็ต้องใส่หน้ากาก ให้ดูน่ากลัวเข้าไว้
หน้ากากของผีตาโขนนั้นดูไม่น่ากลัวเท่าหน้ากากผีฝรั่ง
ที่ดูจะสยดสยองมากกว่า
หน้ากากของผีตาโขนที่เมืองเลย( จังหวัดเลย ) เรา
จะออกแนวสร้างสรรค์และประกอบด้วยลวดลายงดงามมาก
แต่ในเมื่อทำเป็นหน้าผี ก็จะต้องทำให้ดูน่ากลัวไว้สักหน่อย
มันถึงจะดูขลัง ว่างั้นเถอะ..

หมดวันฮาโลวีนและวันผีตาโขน
ทุกคนก็ถอดหน้ากากที่น่ากลัว
กลับไปมีหน้าเดิมของตน หน้าดั้งเดิมที่เคยมีมา
แต่จะน่ากลัวกว่าหน้ากากผีหรือเปล่านี่ก็ไม่แน่ใจนัก
คนเราเกิดมานั้น มีหน้าตาแตกต่างกันไป
ตามเพศและพันธุ์ของตน อย่างที่กลอนท่านเขียนว่า


ฝูงชนกำเนิดคล้าย....................คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ.............แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน...................กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง...................ห่อนแก้ฤาไหว


นั่นแปลว่า..ใครจะเกิดมามีหน้าตาอย่างไรนั้น
ไม่สำคัญเท่ากับหน้าตาที่แท้จริงของคนเรา
ก็คือจิตใจที่อยู่ภายใต้ใบหน้านั้น
ปราชญ์ท่านจึงว่า... จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง
ไม่มีใครรู้ใจใคร ว่าลึกลงไปที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้าเหล่านั้น
จิตใจของคนๆ นั้นเป็นอย่างไร
หน้าตาสะสวย จิตใจอาจจะไม่ได้งดงามเหมือนใบหน้า
หรือหน้าตาอัปลักษณ์ขี้เหร่จะเป็นผู้มีจิตใจประเสริฐ
ก็ไม่อาจจะหาอะไรมาวัดสิ่งเหล่านี้ให้ประจักษ์ได้
เพราะบางสิ่งบางอย่างไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
แต่จะสัมผัสได้ด้วยใจเมื่อสิ่งนั้นแสดงออกมาต่างหาก

หน้าตาคนเราเปรียบได้กับหน้ากากของจิตใจ
ที่ใครหลายคนพร้อมที่จะสวมหน้ากากที่มองไม่เห็น
ทับลงไปได้อีกหลายต่อหลายชั้น
จนบางทีตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่า
หน้าตาที่แท้จริงของตนนั้นเป็นอย่างไร
ต่อให้ตัวเองยืนส่องกระจกอยู่ก็ตามทีเถอะ
กลับหาหน้าของตัวเองไม่เจอ

ในสังคมทุกหนทุกแห่งล้วนแล้วมีคนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน
โดยเรียกชื่อสิ่งเหล่านั้นอย่างสวยหรูว่า
วัฒนธรรมการเข้าสังคม
วัฒนา หรือ พัฒนา น่าจะแปลว่าเจริญขึ้น ดีขั้น
แต่กลับเป็นเรื่องด้อยพัฒนา เพราะหน้ากากคนในสังคมนี่แหละ
สังคมที่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
สังคมที่ฟาดฟันกันเพื่อผลประโยชน์นานัปการ
สังคมที่พร้อมจะยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา
และสังคมที่หลอกลวงผู้คนไปวันๆ
คนซื่อและโง่จึงตกเป็นเหยื่อของสังคมนี้นับไม่ถ้วน
กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
หรือไม่ก็ต้องเจ็บปวดรวดร้าวกับความรู้สึกที่เสียไป
อย่างไม่มีวันจะกลับคืนมาได้เหมือนเดิม

หน้ากากผีน่ากลัวแค่ไหนก็ไม่น่ากลัวเท่ากับหน้ากากคน
เพราะผีนั้นยังกำหนดวันเวลาที่จะมาหลอกคน
ดูน่ารัก และ เป็นเรื่องที่สนุกสนานมากกว่า
แต่คนหลอกคนด้วยกันทุกวี่ทุกวันนี่
มันน่ากลัว...ยิ่งกว่าผีเป็นไหนๆ
ถึงกับว่า...ใครเจอเข้าก็หนาวเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจทีเดียว


ว่าแต่ว่าวันนี้คุณถอดหน้ากากของคุณออกแล้วหรือยังเถอะ !!!????

Advertisement