หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
ฉลอง ปิ่นทอง
จากจังหวัด อ่างทอง

เรื่องจริงเกี่ยวกับการศึกษาไทย:ย้ายครูจนโรงเรียนพัง
โพสต์เมื่อวันที่ : 26 ก.ย. 2551 IP : เปิดอ่าน : 6407 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(86.67%-18 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

คำอธิบายไฟล์

ย้ายครูจนโรงเรียนพัง! ฉลอง ปิ่นทอง เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่น่าจะเตือนสติ และกระตุ้นจิตสำนึกที่ดีของผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษาของบ้านเมือง ตั้งแต่ระดับชาติมาจนถึง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ได้ว่า การทำงานของท่านได้ทำให้การศึกษาของชาติหายนะลงทุกวัน ๆ ทำลายโรงเรียน ทำลายครู และทำลายเด็กอย่างเลือดเย็น คงจะจำกันได้ว่า ในการประเมินคุณภาพการศึกษารอบแรก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้รายงานว่า ในจำนวนโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 30,000 โรงเรียน มีโรงเรียนกว่า 20,000 โรงเรียนไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ และอีกกว่า 15,000 โรงเรียน อยู่ในขั้นไอซียูหรือโคม่า หลายโรงเรียนไม่ผ่านการประเมินภายนอกจนต้องเข้าร่วมโครงการไอซียูของหนังสือพิมพ์มติชน แปลเอาความว่า การศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยกำลังดำดิ่งสู่หายนะ และการปฏิรูปการศึกษาที่ทำกันมา 9 ปี ได้ล้มเหลวลงแล้วอย่างไม่เป็นท่า เพราะอะไร? เพราะโรงเรียนที่จัดการศึกษาไม่มีคุณภาพส่วนมากเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก ขาดความอิสระคล่องตัว ขาดแคลนครูอย่างหนักทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ขาดแคลนงบประมาณจนไม่สามารถพัฒนาโรงเรียนเป็นชิ้นเป็นอันได้ นักเรียนไม่ฉลาด ผู้บริหารโรงเรียนไม่มีความสามารถในการบริหารงานวิชาการ ขาดความรู้และทักษะในการบริหารและขาดภาวะผู้นำ นอกจากสาเหตุข้างต้นที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว สพท. และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาบางแห่ง ที่ขาดความรู้ ขาดวิสัยทัศน์ ทำตัวเป็นมาเฟียทางการศึกษา ก็มีส่วนซ้ำเติมโรงเรียนขนาดเล็กให้ด้อยคุณภาพลงไปอีก ด้วยการย้ายครูแบบเล่นพรรคเล่นพวก เลือกที่รักมักที่ชัง และไม่ฟังความเห็นจากผู้บริหารจนโรงเรียนพัง! ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ผู้เขียนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ระหว่างปี 2539 ? 2549 ผู้เขียนดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนสตรีอ่างทอง ทำงานร่วมกับคณะผู้บริหารและคณะครูพัฒนาโรงเรียนจนเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัลโรงเรียนรางวัลพระราชทานในปี 2545 มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเป็น 3,000 คนในปี 2549 จากโรงเรียนที่มีนักเรียนเพียง 1,460 คนในปี 2539 ต้นปี 2549 ผู้เขียนสอบเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนได้อันดับที่ 1 ได้เลือกไปดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนนี้ เห็นความขาดแคลนของโรงเรียน สภาพการทำงานของครู และสภาพของเด็ก ๆที่น่าสงสารแล้ว ผู้เขียนคิดว่า จะต้องทุ่มเทพัฒนาโรงเรียนแห่งนี้ให้พ้นจากสภาพเหมือนถูกทอดทิ้งให้ได้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโรงเรียน คณะครูและนักเรียนด้วยใจเต็มร้อย ผู้เขียนได้ขอให้เพื่อน ๆ และท่านที่เคารพนับถือบริจาคทุนการศึกษา บริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ และสร้างห้องคอมพิวเตอร์ จัดหาอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนอีเล็คทรอนิกส์ จัดหาโปรแกรม e- learning เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน พัฒนานักเรียนให้มีความรู้ทางด้านวิชาการและฝึกนักเรียนให้มีระเบียบวินัยและมีกิริยามารยาทที่ดีงาม ส่งนักเรียนเข้าแข่งทักษะทางวิชาการระดับต่าง ๆ ในต้นปีการศึกษา 2549 นั้นเอง โรงเรียนได้ผ่านการประเมินภายนอก ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษา จาก สมศ. ชุมชนเริ่มศรัทธาในโรงเรียน มีความหวังที่จะได้เห็นโรงเรียนดีใกล้บ้าน จะได้ไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนไกลบ้าน แต่แล้วความหวังของชาวบ้านก็พังทลายลง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาโรงเรียนของผู้บริหารโรงเรียน คณะครูและชุมชนได้รับการตอบแทนจาก สพท. และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ด้วยการย้ายครูออกจากโรงเรียนถึง 3 คน (โดยมีผู้บริหาร ที่คงไม่ได้รับการอบรมด้านจริยธรรมกระซิบกับครูที่ขอย้ายว่า อยู่กับ ผอ.คนนี้ทำงานหนัก ย้ายมาอยู่กับพี่สบายกว่า พอครูเขียนย้าย ที่ภาษาฟุตบอลเรียกว่า ลูกเข้าเท้า จึงให้ย้ายดังใจโดยไม่ฟังความเห็นจากผู้บริหารโรงเรียนที่ขอให้พิจารณาระงับย้ายไว้ก่อนเพื่อสร้างศรัทธาให้ชุมชน) มีครูย้ายมาแทน 1 คน จากครู 9 คน เหลือครูเพียง 7 คน ผู้ปกครองเริ่มขาดความมั่นใจในโรงเรียน ย้ายลูกหลานหนีไปเรียนในตัวอำเภอ คอมพิวเตอร์ที่จัดหาไว้ก็ใช้ประโยชน์ได้น้อยลง อังกะลุงไม่มีคนเล่น กีฬาก็เล่นไม่ได้เพราะนักเรียนน้อย สื่อและอุปกรณ์การสอนที่ขอบริจาคมาก็ไม่มีคนใช้ เกิดคำถามขึ้นว่า สพท.และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาย้ายครูแบบนี้ ผู้บริหาร ครูและชุมชนจะพัฒนาโรงเรียนได้อย่างไรและพัฒนาไปทำไม? เพราะอยู่เฉย ๆ แบบ ?มึงอยู่ได้ กูอยู่ได้? รอวิ่งเต้น อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาหรือวิ่งเต้นนักการเมืองย้ายไปโรงเรียนใหญ่เบาแรงกว่ากันเยอะ! มีอุปกรณ์การสอนตลอดจนสื่อไอทีเพียบพร้อม ถ้าไม่มีครู สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ปีนี้มีครูเออร์ลี่ รีไทร์ 1 คน ขอย้ายอีก 2 คน ถ้าย้ายกันแบบตัดตีนสินมือเหมือนปีที่แล้ว ครูก็จะเหลือ 4 คน สอนนักเรียน 8 ห้อง 8 วิชา ประเมินภายนอกครั้งต่อไป โรงเรียนนี้เข้าไอซียูแน่! การศึกษาของชาติหายนะ โรงเรียนพัง ชุมชนและเด็กยากจนขาดที่พึ่ง!! ย้ายครูแบบนี้ใช่ไหมที่ทำให้การศึกษามีคุณภาพในสายตาของ สพท. และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา!!!

.....

    

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง เรื่องจริงเกี่ยวกับการศึกษาไทย:ย้ายครูจนโรงเรียนพัง
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

ฉลอง ปิ่นทอง
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
ฉลอง ปิ่นทอง..