หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
จิราภรณ์ หอมกลิ่น
จากจังหวัด ยโสธร

10 ยอดอันดับอาหารขายดี ....แต่มีอันตรายที่น่ากลัว!!!!
โพสต์เมื่อวันที่ : 16 ธ.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6422 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(50.00%-4 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

 อาจจะยาว ไป แต่ตั้งใจ เอามาฝากค่ะ
  
  
  
 คนอเมริกันถูกบอมบ์ด้วยโฆษณาจากทางทีวีอย่างหนักหน่วงทุกวัน จนเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่ออาหารที่ทำลายสุขภาพมาเป็นในแง่ดี ร้านค้าของชำในแต่ละท้องถิ่น จะมีสินค้ามากกว่า 35,000 ชนิด ที่เก็บสต็อค เอาไว้ ซึ่งไม่เหมาะสมที่ท่านจะบริโภคมัน ถ้าท่านขีดวงจำกัดหลีกเลี่ยงที่จะไม่บริโภคสินค้าใหม่ๆจำพวกเนื้อ นมและเบเกอรี่ รวมถึงสินค้าบริโภคที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบสำเร็จรูปที่ตั้งชั้นวางขายขวางเอาไว้เป็นพิเศษอีก ท่านก็จะมีสุขภาพดีขึ้นมากอีกอักโขเลยทีเดียว แต่การที่ประเทศเราเป็นต้นตำรับประเภทอาหารฟ๊าสฟู๊ด เราจึงควรมาพิจารณาถึงสิ่งประกอบที่มีอยู่ในอาหาร 10 อันดับยอดนิยมที่อันตรายต่อสุขภาพกันดูบ้าง 
  


 1. แฮมเบอร์เกอร์

 • จัดเป็นอาหารประเภทที่ “มีความเสี่ยงสูง” เพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำ จากการที่มีการ ทำกันมาขายเป็นอุตสาหกรรม

 • เวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำเนื้อมาใช้ปรุง
 ทำให้มีแบคทีเรียเกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัด

 • เนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียวา การใช้สารเคมีสีแดงย้อมทำให้เนื้อดูสด
 แฮมเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะย้อมด้วยสารเคมีสีแดง ยกเว้นแต่จะทำด้วยกรรมวิธี อื่นๆ

 • แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์
 เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น 
 และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน
 • เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้  (Pure beef)

 • แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate)
 ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG  เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น
 และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย

 • อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็น
 อันตรายในเนื้อ นี่คือสาเหตุว่าทำไมคนอเมริกันถึงได้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ

 • เนื้อบดเป็นเสมือนกับอาหารของคนลี้ภัย อาหารเบอร์เกอร์ทำให้เกิดโรค E- coli
 ที่ต้องทำการรักษา มากกว่าโรคที่เกิดจากอาหารชนิดอื่น

 • แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารยิ่งใหญ่รายการเดียวที่ทำให้เกิดความเสียหาย
 และก่อความทุกข์ให้กับอาหารของอเมริกัน .......บริการอาหารได้นับพันล้านชุด
 ...... ค่าหมอและค่าโรงพยาบาลรักษานับพันล้านเหรียญ .....

 • ฮอร์โมนที่ใช้ฉีดวัวควาย ทำให้ท่านอ้วนขึ้นได้ หากท่านบริโภคเนื้อเหล่านั้น

 • ชีสเบอร์เกอร์ ประกอบด้วยไขมันทั้งหมดเกินกว่า 100% ของอาหารไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
 • เบอร์เกอร์คิง ซ้อนหลายชั้นชุดพิเศษ จะให้พลังงาน 1.150 แคลอรี่ และไขมันรวม 76 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 33 กรัม และเกลือโซเดียมอีก 1,530 ม.ก.

 • เครื่องปรุงรสของเบอร์เกอร์ พริก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ล้วนใช้สารก่อมะเร็งจากเกลือเคมีกำมะถันเพื่อควบคุมความสดของผัก

 • เบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดียมอยู่ 1,090 ม.ก. (เท่ากับ 45% ของปริมาณที่กำหนดให้ใช้ในแต่ละวัน) ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้า 


  
 2. ฮอทด็อก

• จัดเป็นอาหารประเภทที่ “มีความเสี่ยงสูง” เพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำจากการที่มีการ ทำกันมาขายเป็นอุตสาหกรรม

 • เวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำเนื้อมาใช้ปรุง ทำให้มีแบคทีเรียเกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัด

 • เนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียวา การใช้สารเคมีสีแดงย้อมทำให้เนื้อดูสด
 แฮมเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะย้อมด้วยสารเคมีสีแดง ยกเว้นแต่จะทำด้วยกรรมวิธี อื่นๆ

 • ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หูเล็บและส่วนอื่นๆของมัน

 • เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ ( Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%

 • ฮอทด็อกทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นและท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย

 • ฮอทด็อกจะใส่สารไนไตรท์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือดื้อเนื้องอกในสมองและมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ

 • สารเติมช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม อาจเป็นจำพวก
 ธัญญาหาร อาจเป็นนมผงรบกพร่องมันเนย ถั่วเหลืองหรือสารอย่างอื่นก็ได้ 
 ทำให้เพิ่มจำนวนคาร์โบไฮเดรตและกระบวนการในการผลิตด้วย

 • ถุงหลอดที่ใช้บรรจุฮอทด็อกทำจากคอลลาเจนสังเคราะห์ ที่เป็นสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้สูง
 • มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40%
 • เมื่อนำไปปิ้งย่าง มันจะให้สารพิษร้ายแรงที่เรียกว่าอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าว่า เป็นสารก่อมะเร็งและทำลายประสาท


 3. เฟร้นช์ฟราย มันฝรั่งทอด

 • เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง”
 • การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
 • น้ำมันที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์
 • มันฝรั่งมีดรรชนี กลีซิมิค(Glycemic) อยู่สูงมาก นั่นหมายถึง มันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก การรับประทานมันฝรั่งปิ้งหนึ่งหัว(หรือเฟร้นช์ฟรายในปริมาณเทียบเท่ากัน) จะมีประมาณน้ำตาลเท่ากับ รับประทานเค้กช็อคโกเล็ตชิ้นโตๆทีเดียว
 


 4. ออริโอ คุกกี้ คุ๊กกี้ที่ขายดีอันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา (ขนาด 6 ชิ้น = ขนาดในการบริโภคต่อครั้ง)
 • ที่เด่นชัดมากก็คือ สัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียวน
 • ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อกโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก
 • พลังงาน 370 แคลอรี่ที่แทบจะไม่มีสารประกอบของอาหารที่ให้พลังงานอยู่เลย
 แคลอรี่เทียบได้เท่ากับการรับประทานเนื้ออกของไก่ 2 ชิ้น

 • คุกกี้ 6 ชิ้น จะมีไขมันอยู่ 12 กรัม ไขมันอิ่มตัว 2.5 กรัม คาร์โบ ไฮเดรต 40
 ---หมายถึง คุ๊กกี้แค่ 6 ชิ้น มีจำนวนคาร์โบเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อวันเสียอีก

 • ออริโอคุกกี้จะเพิ่มความกระหายน้ำตาลให้ท่านได้มากยิ่งขึ้นภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้นะ
 • กลิ่นรสธรรมชาติที่ระบุไว้นั้น เป็นสารเคมีจากทางโรงงานที่ทำให้ออริโอมีรสชาติยังกับคุกกี้ช็อกโกเล็ต จากกระบวนการผลิตชั้นสูง ที่ทำให้ออริโอคุกกี้ได้กลิ่นรสที่ไม่ได้เป็นมาจากธรรมชาติเหล่านั้นที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

 • บริษัท นาบิสโก ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfats)
 ว่ามีอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่า  มีอยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้สำหรับอาหารในประเภทนี้
 • น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น


  
 5. พิซซ่า
 • พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์ กรรม 5 ชนิด 
 1. เนยแท้(cheese)เพียง 10% เท่านั้น ที่ไม่ควรจะเรียกว่าเนยแท้ได้เลย
 2. แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสีทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว
 แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไป ใหม่
 3. ซ๊อสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง
 ในร่างกายของท่าน
 4. แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
 5. มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ ในฝ้ายืช เมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด 

 กระทรวงเกษตรและกระทรวงสาธารณสุขต่างก็ไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่
 จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่ มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น
 แต่มันเป็นน้ำมันไฮโดรจีเนตและมีอันตรายต่อสุขภาพของท่านเป็นอย่างยิ่ง

 • ผิวหน้าแป้งพิซซ่าที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจจะมีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides)เกิดขึ้น ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทได้

 • การเพิ่มหน้าพิซซ่า เพ็พเปอโรนิหรือเพิ่มหน้าไส้กรอก ทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก ไนไตรต์ สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆรวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน
 


 6. น้ำอัดลม
 • สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค๊กก็คือกรดกำมะถัน(Phosphoric acid)
 ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วินาที
 • กรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
 • น้ำโซดาจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูกของท่าน ช่วยทำเกิดโรคกระดูกพรุน
 • ในน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง จะมีน้ำตาลที่ไม่ให้พลังงานอยู่ประมาณ 12 ช้อนชา
 • ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว(Diet soda) ที่ใช้น้ำตาลเทียมสังเคราะห์(Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายของท่านกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะว่า  น้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก

 • สีที่ใช้เติมในน้ำอัดลม เป็นสารเคมีก่อมะเร็ง
 • เราเรียกน้ำอัดลมนี้ว่า น้ำตาลเหลว เพราะมันมีน้ำตาลประกอบอยู่สูง การดื่มน้ำอัดลม ก็เสมือนกับการกินแท่งช็อกโกเล็ตน้ำตาลเหลว 
 • ส่วนประกอบสำคัญในน้ำอัดลมก็คือ น้ำเชื่อมฟรัคโต๊สที่ได้มาจากข้าวโพด
 


 7. ชิ้นไก่ทอดเนื้อนุ่มไร้กระดูก
 • ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆ
 • การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน 
 • มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง
 • มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นในห้องปฏิบัติการทดลอง และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นได้

 • มีสารฟอสเฟตประกอบอยู่ด้วย ทำให้ร่างกายเกิดเป็นกรด เป็นการยากที่จะทำให้มันเผาไหม้ไขมันได้อย่างเหมาะสมถูกต้อง จึงถูกสะสมและยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

 • นัคเก็ตชิคเก้นบางอัน (ของแม็คโดนัล) จะมีสารอะลูมิเนียมด้วย ซึ่งเป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย

 • น้ำมันที่ใช้ในการทอดในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์


  
 
8. ไอศกรีม
 • มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้ง
 • มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน
 • มีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น
 • เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat)ไปจากธรรมชาติ
 และ
 1. ช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรัล็ต
 2. ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตันะ
 3. ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น(เป็นสาเหตุก่อให้เกิด
 โรคมะเร็ง) • ฮอร์โมนที่ฉีดให้กับวัวเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำนม จะลดการเมตะโบลิสซึมของร่างกายให้ลดน้อยลง ทำให้เกิดเนื้องอก ซีสต์และมะเร็งที่ทรวงอกและรังไข่
 


 9. โดนัท
 • โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ง
 • ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน
 • มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
 • โดนัทนั้นทอดในน้ำมันที่มีการออกซิไดซ์ และในแต่ละครั้ง น้ำมันนั้นใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์ ดังกิ้นโดนัทเปลี่ยนน้ำมันใช้ทอดทุกครั้ง เมื่อทอดโดนัทครบ 3,600 ชิ้น  น้ำมันในอุณหภูมิที่สูงจะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้นทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลงเป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดีของท่าน
 • มีน้ำตาลอยู่สูง ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น
 


 10. โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยวยามว่างที่มียอดขายมาอันดับ 1 ของอเมริกันชน
• คนอเมริกันในปัจจุบันบริโภคโปเตโต้ชิพมากกว่าประชากรอื่นใดในโลก มีการบริโภคมันสำปะหลังเป็นอันดับสองรองจากข้าว มันกลายเป็นสินค้าโลกไปแล้ว
 • มันสำปะหลัง 4 ปอนด์ ใช้ทำโปเตโต้ชิพได้เพียง 1 ปอนด์
 • ขนาดเล็กของโปเตโต้ชิพที่บรรจุ 2 ออนซ์ มันจะมีพลังงานที่อัดแน่นสูงเกิน กว่า300 แคลอรี่
 • น้ำมันที่ใช้ในการทอดโพเตโต้ชิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์
 • การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูง 

 ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท การรับประทานโปเตโต้ชิพหนี่งถุง อาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500
 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปได้  การรับประทานโปเตโต้ชิพหนี่งชิ้น  อาจได้รับสารอะคริลิไมด์เท่ากับอัตราที่มีอยู่ในน้ำดื่มหนึ่งแก้ว

 • มีไขมันอิ่มตัวแอบแฝงอยู่มาก
 • มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดแคลนน้ำได้

  
 “HEALTH CHIPS สูตรใหม่ที่แนะนำสู่ตลาดอย่างยี่ห้อ BAKED LAYS หรือ
 OLESTRA  อาจมีอันตรายมากกว่าโปเตโต้ชิพแบบธรรมดาเสียอีก”

 • BAKED LAYS มีพลังงานที่อัดแน่นของแคลอรี่เกือบใกล้เคียงกับ LAYS โพเตโต้
 ชิพเร็ง  แบบธรรมดา  มีส่วนผสมระหว่างมันสำปะหลังกับอาหารจำพวกแป้งอื่นๆแล้วนำมาอัดแน่นเป็นแผ่น
 โพเตโต้ชิพ  มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งอยู่มาก
 
 • OLEAN / OLESTRA โปเตโต้ชิพอ 
 อาจก่อให้เกิดมีน้ำมันออกทางบริเวณทวารหนักหรืออาจสร้างปัญหาให้กระเพาะ
 อาหารหรือลำไส้ได้  (ตามรายงานที่พิมพ์เอาไว้บนถุง)
 ไปปิดกั้นการดูดซึมของไขมัน ทำให้การดูดซึมแร่ธาตุจากสารอาหาร
 ที่เรารับประทานเข้าไปได้น้อยลง
 
 ทำให้ปิดกั้นการดูดซึมสารคาโรทินอยด์และสารเคมีอื่นๆที่ได้มาจากพืชที่ช่วย
 ในการป้องกันการเกิดโรค หัวใจ โรคมะเร็ง โรคจุดด่างของผิวหนังทำงานได้ด้อยลง ...


 

ที่มา www.artsmen.net

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง 10 ยอดอันดับอาหารขายดี ....แต่มีอันตรายที่น่ากลัว!!!!
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

จิราภรณ์ หอมกลิ่น
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
จิราภรณ์ หอมกลิ่น..