นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง  ที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงเห็นความสำคัญของการศึกษา  ทรงเป็นผู้จุดประกายทางความคิดให้ปวงประชาได้มีจิตสำนึกที่จะร่วมกันผลักดัน พัฒนา สร้างสรรค์การศึกษาให้เจริญรุ่งเรืองเทียมเท่าอารยะนานาประเทศเพราะว่าสิทธิพื้นฐานอย่างหนึ่งของประชาชน  คือ การศึกษาและการศึกษาที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศ คือ ชั้นประถมศึกษา
           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายในหัวข้อ”แนวโน้มการจัดการเรียนการสอนเพื่อการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า” ว่า  การศึกษาคือการพัฒนาคนพัฒนาชาติ  จะต้องพัฒนาคนให้มีความรู้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในทศวรรษหน้านั้นเราต้องรู้อะไร คำตอบคงมีหลายอย่าง  โดยหลายอย่างที่พระองค์กล่าวไว้ คือเรียนรู้ให้อ่านออกเขียนได้  เพื่อจะได้รู้และแพร่ข่าวสารได้เรียนรู้ให้มีอาชีพ  โดยสารมารถทำงานเลี้ยงชีพได้  มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ รู้จักดำรงตนให้สมฐานะความเป็นมนุษย์ คืออยู่อย่างสมคุณค่า  มีศักดิ์ศรี มีคุณธรรมกำกับความรู้  คือการไม่เอาเปรียบกัน   ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ มีวินัยในตนเอง ต้องสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้  เข้าใจผู้อื่น
 มีความรู้ที่จะประหยัดและใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า
           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พระองค์ทรงเป็นพระมิ่งขวัญการประถมศึกษา อย่างแท้จริง  ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมาลืมตาดูโลก ภาพที่ปรากฏในพระจริยาวัตรของพระองค์ล้วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยตรง ทั้งสิ้น
 ภาพที่พระองค์ทรงเสด็จไปเยี่ยมโรงเรียนห่างไกลทุรกันดาร
 ภาพที่พระองค์ทรงพระราชทานสิ่งของให้กับนักเรียน
 ภาพที่พระองค์ทรงปรุงอาหารในโรงเรียนที่พระองค์เสด็จไปเยี่ยม
 ภาพภาระกิจของพระองค์ทุกภาพที่ปรากฏทางโทรทัศน์  ทางหนังสือพิมพ์ ทางวารสารต่าง ๆล้วนแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีพระจริยาวัตรที่ยึดมั่นอยู่กับการศึกษาอย่างมิอาจแยกออกจากกันได้

 ข้าพเจ้าคิดว่า....เราทำอย่างนี้ดีไหม ?

          ก็ในเมื่อพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการศึกษาแล้ว  เราในฐานะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคล หรือข้าผู้รับใช้ประชาชนแล้ว  เราลองมาทำงานสักอย่างเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติในมงคลวโรกาส ทรงเจริญพระชนมายุ  โดยการร่วมจัดทำโครงการ “ปีแห่งการส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี”

 เราจะทำอย่างไร ?

 กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการอ่านไว้ ดังนี้

 1.จัดกิจกรรม”วางทุกงาน อ่านทุกคน”   
 2.จัดกิจกรรม”ส่งเสริมการอ่าน”
 3.ส่งเสริมให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการอ่าน
 4.สร้างแรงจูงใจและชี้แนะให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง สนับสนุนให้เด็กมี”นิสัยรักการอ่าน”
 5.พัฒนาการอ่านของนักเรียนตามลำดับ

           ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า “การที่จะสร้างนักเรียนให้มีนิสัยรักการอ่าน  ครูต้องมีนิสัยรักการอ่านด้วย”  เคยได้ยินเพื่อนครูคนหนึ่ง  พูดแบบประชดประชันได้สะใจว่า “คนที่ไม่อ่านหนังสือ คือคนที่ตกยุค  คบค้าสมาคมไม่ได้”
 ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจะเห็นด้วยเสียแล้ว  และถือโอกาสเสนอคำขวัญเพื่อร่วมกิจกรรมดังกล่าวว่า

“ อ่านวันละนิด  แล้วคิดพัฒนา”

          เรามาอ่านหนังสือกันเถอะ  แล้วเด็กจะอ่านหนังสือตามเรา  เราต้องปลูกฝังนักเรียนให้รู้สึกอยากอ่าน
 แนวโน้มทางการศึกษาในทศวรรษหน้าอีกอย่างหนึ่งคือ “การศึกษาที่ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง” คือครูเอาใจใส่ส่งเสริมให้นักเรียนค้นหาความรู้ ด้วยการใช้  สุ จิ ปุ ลิ  และที่สำคัญและต้องเน้น คือ ต้องส่งเสริมให้นักเรียนเรื่องการค้นคว้าหาความรู้ด้วยเหตุผลแห่งความน่าจะเป็นไปในอนาคต “ การฝึกทักษะการเขียนจึงเป็นสิ่งที่น่าจะยังสำคัญอยู่สำหรับทศวรรษหน้า”

 สาธยายมามากแล้ว คงยังไม่ถือว่าเป็นการออกนนอกเรื่อง  เพราะว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี  พระองค์ทรงเป็น

   “แม่พิมพ์ด้านการเรียนรู้   คุณครูแห่งการอ่าน  อาจารย์ทางการเขียน”
 
           โอกาสสุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขออนุญาตนำบทประพันธ์สดุดี ที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์ไว้ และได้นำอ่านถวายพระพรในมงคลวโรกาส ทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2546   ดังนี้

งามพร้อมวรรณศิลป์  
อัครศิลปินแห่งสยาม
สิรินธรพระทรงนาม  
สง่างามกุมารี

พร้อมสรรพกัปกิริยา  
พระปรีชาจะหาไหน
กวีแห่งศรีไทย   
พระเทพไท้ราชสุดา ฯ

เพียบพร้อมกุลสตรี  
พระนามนี้พระปรีชา
เปรื่องปราศศาสตร์วิทยา  
จะหาไหนไร้เทียมทัน

พระองค์ทรงรอบรู้  
ทรงเป็นครูภาษาไทย
จริยาวัตรเลื่องลือไกล  
ข้า ฯเทิดไว้...”องค์สิรินธร.”

 (บัวกันต์  วิลามาศ-ประพันธ์)

Advertisement