มหิดลลุ้นผลทดลองวัคซีนไข้เลือดออก4สายพันธุ์

Post by Administrator

ศุกร์, 04 ธันวาคม 2009

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ รศ.ประตาป สิงหศิวานนท์ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวภายในการประชุมวิชาการนานาชาติเวชศาสตร์เขตร้อน(JITMM 2009) หัวข้อ "สุขภาพเขตร้อนในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ " ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม โดยมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 850 คนจาก 32 ประเทศ ว่า ปัจจุบันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกพบสูงถึง 58 ล้านคน โดย 42 ล้านคนในกลุ่มดังกล่าวล้วนเป็นประชากรในประเทศเขตร้อนทั้งสิ้น  แสดงว่าโรคเขตร้อนกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในปี 2553 ปัญหาโรคติดต่อและไม่ติดต่อจะยังคงพบได้ตลอดปี โดยเฉพาะโรคที่มีแมลงเป็นพาหะ จะมีรูปแบบการแพร่กระจายเชื้อแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นโรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออก จากเดิมมียุงชนิดเดียวเป็นพาหะ อาจมียุงชนิดอื่นร่วมด้วย ซึ่งความรุนแรงของโรคจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ การกระจายตัวของเชื้อจะง่ายและเป็นวงกว้างขึ้น เนื่องจากการเดินทางสะดวกขึ้น หากไม่มีระบบคัดกรองที่ดีพอการแพร่กระจายเชื้อข้ามถิ่นก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน  รศ.ประตาป กล่าวอีกว่า ยกตัวอย่าง เชื้อมาลาเรียในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะติดเชื้อในป่าเขาที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ โดยยุงกลุ่มนี้จะวางไข่ในแหล่งน้ำสะอาดตามป่าเขาต่างๆ ทำให้การแพร่กระจายเชื้อมักเกิดขึ้นในกลุ่มคนเดินป่า หรือชาวบ้าน แต่ในประเทศอินเดีย รูปแบบการแพร่กระจายเชื้อแตกต่างออกไป โดยยุงจะวางไข่ในแหล่งน้ำในตัวเมืองต่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นแหล่งน้ำสะอาด แต่ตามซอกตึกก็สามารถเพาะไข่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องระวังคือ ต้องคัดกรองอย่าให้เชื้อมาลาเรียจากอินเดียแพร่กระจายมายังประเทศไทยได้ ไม่เช่นนั้นรูปแบบเชื้อมาลาเรียจะเปลี่ยนไป จากติดต่อในป่าในสวน กลายเป็นเชื้อมาลาเรียคนเมืองแทน ซึ่งความรุนแรงแม้จะไม่แตกต่างกัน แต่ไม่มีใครทราบว่า เมื่อเชื้อข้ามถิ่น ความรุนแรงหรืออาการจะเป็นเช่นไร  " ปัญหาโรคเขตร้อนไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว รัฐจึงควรมีการลงทุนเรื่องการป้องกันการเกิดโรค และแพร่กระจายโรคเขตร้อนอย่างจริงจัง มากกว่าไปให้ความสำคัญกับการรักษาเพียงอย่างเดียว สำหรับมาตรการป้องกันอย่างหนึ่ง คือ การพัฒนาวัคซีน เมื่อนักวิจัยสามารถพัฒนาได้สำเร็จต้องมีการสนับสนุนและผลิตให้ได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นการวิจัยที่ผ่านมาก็จะไม่ได้ประโยชน์เลย  คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน กล่าวว่า ปัญหาโรคเขตร้อนไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว รัฐจึงควรมีการลงทุนเรื่องการป้องกันการเกิดโรค และแพร่กระจายโรคเขตร้อนอย่างจริงจัง มากกว่าไปให้ความสำคัญกับการรักษาเพียงอย่างเดียว สำหรับมาตรการป้องกันอย่างหนึ่ง คือ การพัฒนาวัคซีน เมื่อนักวิจัยสามารถพัฒนาได้สำเร็จต้องมีการสนับสนุนและผลิตให้ได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นการวิจัยที่ผ่านมาก็จะไม่ได้ประโยชน์เลย อย่างวัคซีนไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบนั้น เบื้องต้นฉีดไปแล้วในอาสาสมัครเด็กราว 600 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพ และจะมีการขยายกลุ่มทดสอบเพิ่มอีกราวหมื่นคน เพื่อยืนยันผลการทดลอง คาดว่าภายในปี 2554 จะได้วัคซีนไข้เลือดออกต้นแบบ ก่อนจะนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ ซึ่งการผลิตเพื่อนำไปใช้จริงก็ต้องอยู่ที่หลายฝ่าย ไม่ใช่นักวิจัยฝ่ายเดียว ที่มา  หนังสือพิมพ์คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2552

Advertisement