คมชัดลึก :คนไทยทั่วหล้าปลื้มปีติ แห่ชื่นชมพระบารมีผ่านการแสดงแสงสีเสียงเฉลิมพระเกียรติ "4D Visual Light & Sound" มีชื่อว่า “พ่อ... The Greatest of the Kings The Greetings of the Land” สุดยิ่งใหญ่อลังการ ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเนืองแน่น

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 และเป็นปีที่ 63 แห่งการครองสิริราชสมบัติในรัชกาลปัจจุบัน นับเป็นมหามงคลพิเศษยิ่งที่ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะร่วมแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะ และพร้อมเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งในปีนี้รัฐบาลจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ และที่เห็นจะเป็นไฮไลท์ของงานคงหนีไม่พ้นการการแสดงแสงสีเสียงเฉลิมพระเกียรติ 4D Visual Light & Sound มีชื่อว่า “พ่อ... The Greatest of the Kings The Greetings of the Land” ที่จัดขึ้นที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ตั้งแต่วันที่ 5-13 ธันวาคม

 บรรยากาศบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ทันทีที่เสร็จสิ้นพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพร้อมกันทั่วประเทศ วาทยกรอำนวยเพลงให้สัญญาณนักดนตรีออเคสตราบรรเลงเพลง พร้อมๆ กับ การฉายภาพยนตร์ 4 มิติทันที ประชาชนที่มาจับจองที่นั่งบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเย็นต่างตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงแสงสีเสียงที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า บนพระที่นั่งอนันตสมาคมอย่างยิ่งยวด เพราะความอลังการยิ่งใหญ่ และไม่แปลกเลยที่จะเห็นภาพประชาชนที่กราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ปรากฏเป็นภาพ 4 มิติ บางรายก็ปลื้มปีติจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก็มี

 การแสดงแสงสีเสียงเฉลิมพระเกียรติ 4D Visual Light & Sound นั้นหากกล่าวให้เข้าใจง่าย คือการฉายภาพจากเครื่องไปสู่ฉากขนาดใหญ่ ซึ่งการแสดงครั้งนี้ได้เลือกพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นฉากหลัง ภาพที่เห็นได้จากสายตาจะเสมือนจริงแบบ 4 มิติ เห็นทั้งภาพแนวกว้าง ยาว และลึก โดยเนื้อหาที่นำเสนอในโชว์อันยิ่งใหญ่นี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำเสนอภาพสวนจิตรลดาออกสู่สายตาประชาชนและคนทั่วโลกเป็นครั้งแรก ว่าสวนจิตรลดานั้นมีความพิเศษไม่เหมือนกับพระราชวังที่ไหนในโลก
 
 ทั้งนี้การฉายภาพยนตร์ 4 มิติครั้งนี้จะมีการบรรเลงเพลงของวงออเคสตราประกอบภาพยนตร์ที่ฉายบนพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วย โดยศิลปินที่มาบรรเลงนั้นเป็นการรวมตัวของนักดนตรีฝีมือเยี่ยมระดับประเทศจาก 4 ทวีปทั่วโลก จำนวน 129 คน ซึ่งเป็นการรวบรวมนักดนตรีที่เยอะที่สุด ขณะที่มีศิลปินชั้นนำของไทย อาทิ "เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์, เฉลียง, คาราบาว, พลพล, "ฟอร์ด" สบชัย ไกรยูรเสน, "กบ" เสาวนิตย์ นวพันธ์, ต้าร์ มิสเตอร์ทีม, "แหม่ม" พัชริดา วัฒนา, อู๋ ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา, คริสตี้ กิ๊บสัน และ อัสนี-วสันต์ โชติกุล สลับกันขึ้นร้องเพลงร่วมกับวงตั้งแต่วันที่ 5-13 ธันวาคมนี้ด้วย โดยเพลงที่ใช้ในการแสดงครั้งนี้เป็นเพลงที่เรียบเรียงทำนองใหม่ทั้งหมด

 นางแสงจันทร์ แก้วอรุณ วัย 40 ปี ชาว กทม. เปิดเผยว่ามาจองที่นั่งบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อรอดูการแสดงแสงสีเสียงที่จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็นที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการมาแสดงความจงรักภักดี ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และอยากเห็นภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้เนื่องจากความพิเศษลักษณะนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ

 “พอฉันเห็นรู้สึกปลาบปลื้ม รู้สึกว่าพระเจ้าอยู่หัวของเรายิ่งใหญ่ ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเปรียบ และไม่มีใครทรงตรากตรำงานเพื่อประชาชนมากเท่าท่าน”

 นายอนันต์ เกษมจันทร์ วัย 65 ปี ชาว จ.ราชบุรี กล่าวว่า เดินทางมาถึงท้องสนามหลวงตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาพร้อมกับครอบครัวรวม 4 คน เพื่อรอรับเสด็จในช่วงเช้า และอาศัยพักผ่อนอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ รอเวลาในช่วงเย็นเพื่อร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร และที่สำคัญรอใจจดใจจ่อที่จะชื่นชมการแสดงภาพยนตร์ 4 มิติ แสงสีเสียงเพื่อเฉลิมพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ด้วย

 “ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่เห็นขบวนเสด็จของท่าน และขนลุกทุกครั้งเมื่อได้ยินร้องตะโกนแบบไม่เหน็ดเหนื่อยว่าทรงพระเจริญ ผมเองก็ตะโกนแบบนี้เหมือนกัน ผมอยากให้ท่านได้ยินเสียงของผม เพราะพระคุณของท่านต่อประเทศไทยนั้นมีมากเหลือเกิน ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยที่ได้มารับเสด็จและร่วมพิธีในครั้งนี้ แต่วันนี้ความตั้งใจของผมไม่ได้อย่างที่หวังอย่างเดียวเพราะว่าผมเข้าไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้าไม่ถึงเพราะคนเยอะมากจึงต้องเฝ้าดูการถ่ายทอดทางจอโปรเจกเตอร์แทน”

 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าประชาชนจำนวนมากหลังเสร็จสิ้นพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรแล้ว ต่างมุ่งหน้ามาที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อชมการแสดงแสงสีเสียงทำให้บริเวณดังกล่าวดูแน่นไปถนัดตา มีประชาชนอีกหลายคนเข้าไปไม่ถึง จำเป็นต้องจับจองด้านหน้าของจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผู้จัดติดตั้งไว้ทั่วบริเวณตลอดสองข้างทางถนนราชดำเนิน ประหนึ่งร่วมอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่พลาดช่วงเวลาที่สำคัญแม้แต่วินาทีเดียว