หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
นายสุรงค์ โพชนิกร
จากจังหวัด ศรีสะเกษ

***แอ่วเหนือ*** (((เมื่อหน้าดอกไม้บาน)))
โพสต์เมื่อวันที่ : 1 ธ.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6425 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
-ไม่มีผลโหวต-
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

แดงสดใสรับลมหนาว กุหลาบพันปี ดอยอินทนนท์
       ฤดูกาลแห่งความหนาวเย็นได้หวนมาเยือนอีกครั้ง ฤดูหนาวนอกจากเราจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายแล้ว ในฤดูกาลนี้ เหล่าดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ต่างทยอยกันผลิบาน อวดสีสันแห่งพฤกษาให้เราได้ยลโฉมกันมากมาย ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของบ้านเรา ที่มีแหล่งชมดอกไม้ดีๆอยู่หลายแห่ง ครั้งนี้จึงขอพามาเติมเต็มชีวิตด้วยสีสันแห่งดอกไม้ ซึ่งก็มีทั้งดอกไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและแหล่งปลูกดอกไม้เมืองหนาวที่เพาะปลูกดอกไม้งามเหล่านี้
       
       สองอารมณ์ ชมกุหลาบพันปี
       
       สถานที่แรกที่จะพาไปเที่ยวชมความงามของดอกไม้กัน คือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ ยอดดอยอินทนนท์ ในอุทยานแห่งชาติอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย ที่มีอากาศหนาวเย็นปกคลุมตลอดปี ที่แห่งนี้ "กุหลาบพันปี" ไม้งามแห่งหิมาลัย ปรากฏโฉมท้าลมหนาวอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกปี
       
       กุหลาบพันปีที่พบบนดอยอินทนนท์นั้น คือ Rhododendron Arborea เป็นชนิดเดียวกันบนหิมาลัย สามารถพบเจอได้ที่บริเวณอ่างกา กิ่วแม่ปาน และผาแง่ม ซึ่งมีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวที่ชื่อท้องถิ่นเรียกกันว่า"คำขาว" และดอกสีแดงเข้มหรือ"คำแดง"นับเป็นพืชหายากที่มีดอกงดงามมาก ชนิดหนึ่งของประเทศไทยและจะพบอยู่เฉพาะในเขตอากาศหนาวเย็นบนพื้นที่ ชุ่มชื้น สันเขาหรือหน้าผาระดับความสูงประมาณ 1,600 - 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
       
       กุหลาบพันปีได้รับยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งเทือกเขาหิมาลัย หลายๆคนเข้าใจผิดว่า กุหลาบพันปีบนดอยอินทนนท์คือกุหลาบโบราณ ความจริงแล้ว เหตุที่เรียกกันว่า กุหลาบพันปี ก็เพราะว่าไม้ชนิดนี้ยามออกดอกจะมีสีสันสวยงามเหมือนดอกกุหลาบ นอกจากนี้ลำต้นที่หงิกงอ มีมอส ไลเคนขึ้นปกคลุมจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดูเก่าแก่โบราณดังกุหลาบพันปี ที่สำคัญบนเส้นศึกษาธรรมชาติทางสายนี้ อาจจะได้พบเห็นกวางผา สัตว์สงวนหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ตามริมหน้าผาบริเวณนี้ด้วย
       
       กุหลาบพันปีหนึ่งเดียวบนยอดดอยอินทนนท์ เป็นกุหลาบพันปีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติขณะนี้มีความเสี่ยงสูญพันธุ์สูงมากเนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 2 เท่า
       
       อีกหนึ่งอารมณ์ในการชมกุหลาบพันปี ขอพามาที่ ดอยช้างมูบ จ.เชียงราย ขับรถเหนือขึ้นไปจากโครงการพัฒนาดอยตุงราว20นาที จะเข้าสู่บริเวณดอยช้างมูบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง” ที่เดิมนั้นป่าบนดอยช้างมูบเป็นป่าเสื่อมโทรมจากการทำไร่เลื่อนลอยและการปลูกฝิ่น ไม้ใหญ่ถูกตัดโค่นจนเป็นเขาหัวโล้น เมื่อครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทราฯ เสด็จมาพบแต่หญ้าปกคลุม จึงมีพระประสงค์ที่จะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม ในปี พ.ศ. 2535 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้สนองพระราชดำริสร้างสวนรุกขชาติพื้นที่ 250 ไร่บนดอยช้างมูบ เพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้ที่เคยพบบนดอยช้างมูบ และเทือกดอยตุงขึ้นเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้พื้นถิ่นเอาไว้ พร้อมกับปลูกสนสามใบเป็นไม้เบิกนำ สร้างร่มเงา
       
       ภายในจัดเป็นเส้นทางลัดเลาะไปใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ที่เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง และพันธุ์ไม้ป่าหายากจำนวนมาก ทั้งกล้วยไม้ดิน พญาเสือโคร่ง สนภูเขา กุหลาบพันปี ที่เป็นไม้เด่น หลากสี หลายสายพันธุ์จากนานาประเทศ ในเอเซีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ก็ได้นำมาปลูกจนผลิดอกงดงามกันที่นี่
       
       นอกจากนี้เส้นทางในสวนรุกขชาติยังเดินตามไหล่เขาไปจนถึงระเบียงชมวิว มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลไปจนถึงชายแดนพม่าและลาว ไม่ไกลออกไปมีลำธารเล็ก ๆ มีน้ำไหลเย็นตลอดปีบนเนินด้านหน้าทางเข้าสวนรุกขชาติมีสถูปขนาดเล็กสูงประมาณ 3 ม. สร้างไว้บนก้อนหินใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนช้างหมอบ จึงเรียกว่า สถูปช้างมูบ เป็นสถูปโบราณไม่ทราบประวัติที่แน่นอน แต่น่าจะมีอายุกว่า 100 ปี ไว้ให้ได้สักการะอีกด้วย

ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ เหลืองอร่ามทั่วขุนเขา (ภาพ:ททท.)
       ‘ดอกบัวตอง’ เหลืองสะพรั่งสามแดนดอย
       
       ดอกบัวตอง หรือในบางครั้งเพราะความคล้ายคลึงดอกทานตะวัน จึงถูกเรียกขานว่า ทานตะวันป่า หรือทานตะวันดอก ดอกบัวตองยังแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและมีอายุยืนยาว สามารถสูงได้ถึง 5 เมตร ชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น จะออกดอกสวยงามที่สุดบนยอดดอยที่สูงกว่า 800 เมตรขึ้นไป โดยจะออกดอกในช่วงระหว่างเดือน พ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค. เท่านั้น เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่เรียกได้ว่าอวดโฉมบานโต้ลมหนาวก่อนใคร
       
       สถานที่ชมดอกบัวตองทางภาคเหนือนั้น ที่แรก ที่คุ้นเคยกันดี คือ ดอกบัวตองดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
       ซึ่งดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอจะบานเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งในพื้นที่เกือบ 1,000 ไร่ บนความสูงราวๆ 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล ดุจคลื่นเขาสีเหลืองสดกว้างสุดปลายสายตา
       
       อีกแห่งคือที่ ดอยแม่เหาะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนเช่นกัน แม้ดอกบัวตองที่ดอยแม่เหาะจะไม่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเท่าที่ดอยแม่อูคอ แต่สามารถเดินทางไปได้ง่ายกว่า เพราะอยู่ริมทางซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่รถจะวิ่งไปแม่ฮ่องสอนอยู่แล้ว ดอกบัวตองที่นี่บานเวลาใกล้เคียงกันกับที่ดอยแม่อูคอ คือประมาณเดือน พ.ย.ถึง ธ.ค.
       
       แดนดอยสุดท้ายที่ดอกบัวตองเพาะกายอยู่คือที่ ดอยหัวแม่คำ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ดอกบัวตองที่ดอยหัวแม่คำจะบานไล่เลี่ยกับที่ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอนเช่นกัน ดอกบัวตองนี้มีมากมายขึ้นสลับกันระหว่างบ้านชาวเขา ที่เป็นบ้านเรือนหลังเล็กๆ แซมอยู่ระหว่างดอกบัวตองสีสวย แลดูกลมกลืนสวยงามจนได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน Unseen Thailand

สวนแม่ฟ้าหลวง แดนดอกไม้งาม
       แดนดอกไม้งาม สวนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง
       
       ยังอยู่ที่ดินแดนเหนือสุดในสยามที่ จ.เชียงราย มีสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ คือ สวนแม่ฟ้าหลวง สวนดอกไม้เมืองหนาวในหุบเขาบนดอยตุง ตั้งอยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ต้องการให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศ ได้เห็นไม้ดอกเมืองหนาวที่สวนแห่งนี้
       
       เดิมมีพื้นที่ 12 ไร่ มีการปลูกดอกไม้หมุนเวียนสลับให้ออกดอกไม่ซ้ำกันตลอดสามฤดู ล้อมรอบประติมากรรมชื่อ "ความต่อเนื่อง" เป็นรูปเด็กยืนต่อตัวที่กลางสวน นอกจากนี้ ยังจัดแต่งสวนหินซึ่งประดับด้วยหินภูเขากลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ สวนน้ำอุดมด้วยไม้น้ำพันธุ์ต่างๆ บัว และสวนปาล์มที่รวบรวมปาล์มไว้มากมายในพื้นที่ 13 ไร่ สวนแม่ฟ้าหลวงจึงมีพื้นที่ทั้งสิ้น 25 ไร่ ภายในประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ มีดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ไม้มงคลต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลี้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด

ซารุกะเมืองไทยบานที่บ้านขุนช่างเคี่ยน
       ขุนเขาแปรสี ด้วยซากุระเมืองไทย
       
       หากพูดถึงดอก“ซากุระเมืองไทย” ผู้ที่ชมชอบบุปผาจะรู้จักกันดีว่านี่คือ ดอก“นางพญาเสือโคร่ง” ไม้สกุล ท้อ บ๊วย พลัม เชอร์รี่ ซากุระ ที่พอถึงช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. ดอกซากุระเมืองไทย จะพร้อมใจกันบานสะพรั่งเต็มต้น ไปตลอดสองข้างทางขึ้นดอย
       
       สำหรับ ดอกนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง มีทั้งสีชมพู แดงและขาวซึ่งหายากที่สุด เมื่อดอกได้รับการผสมจะติดผลรูปไข่ ผลสุกเป็นสีแดงแบบลูกเชอรี่ โดยทั่วไปพบที่ความสูง1,000 - 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ส่วนฉายาว่า " ซากุระเมืองไทย " เนื่องจากขึ้นในที่สูง และชอบอากาศหนาว มีดอกคล้ายกับดอกซากุระ ยามผลิดอกพร้อมกันจะงดงามน่าชมมาก
       
       จุดชมซากุระเมืองเหนือนั้นมีอยู่มากมายหลายแห่ง อาทิ ดอยวาวี จ.เชียงราย ที่ถือเป็นแหล่งซากุระที่มากที่สุดในเมืองไทย เพราะมีปลูกมากถึง 400,000 ต้น นอกจากนี้ยังมีดอกซากุระสีขาวรวมอยู่ด้วย
       
       สถานที่อื่นก็มีหลายแห่งที่มีซากุระเมืองไทยบานให้รับชมทั้งที่ ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย หรือแถบทางจ.เชียงใหม่ ก็มีหลายแห่งทั้ง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ ขุนวาง ดอยอ่างขาง ดอยอินทนนท์ แม่จอนหลวง ซึ่งความงามของดอกซากุระแต่ละแห่งต่างก็ช่วยย้อมสีสันหวานใสโรแมนติกไม่หยอกทีเดียว

ทิวลิปสวยๆมีให้ยลที่ ดอยผาหม่น และ ดอยผาแดง
       ทิวลิป ดอยผาหม่น & ดอยผาแดง
       
       ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ด้วยอากาศเย็นสบายของทางภาคเหนือบ้านเราจึงมีการทำพันธ์ดอกทิวลิปเข้ามาเพาะขยายและศึกษา ที่แรกที่จะมาไปชมคือ “ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงดอยผาหม่น” บ้านร่มโพธิ์ไทย ต. ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย
       
       ทิวลิป ที่ชูช่อบานสะพรั่งบนดอยผาหม่นมีนับหมื่นต้น เริ่มปลูกขึ้นตั้งแต่ปี 2537 กว่า 9 สายพันธุ์ คือ Strong Gold ดอกสีเหลือง Parade ดอกสีแดง Apel Doorn ดอกสีส้ม Negrita ดอกสีม่วง Don Quichotte สีชมพู Blenda สีชมพูโคนขาว Ile de France สีแดง Gander สีม่วงแดง และ Inzell ดอกสีขาว
       
       ตามธรรมชาติแล้วทิวลิปจะเจริญเติบโตในอุณหภูมิเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาในการปลูกราว 40 วัน ดอกจึงจะบานและจะสามารถอยู่ได้นาน 7 ถึง 15 วันในสภาพภูมิอากาศบนดอย หากนำลงมาข้างล่างจะอยู่ได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น กลีบสุดท้ายของฤดูกาลบนดอยผาหม่น จะเป็นของดอกสีม่วง จากพันธุ์ Negrita
       
       ดอกทิวลิปที่นี่ศูนย์แห่งนี้จะบานในฤดูหนาว ช่วงเดือนธ.ค. – ม.ค. ทั้งยังมีแปลงไม้ดอกเมืองหนาวหลากสี เช่น ดอกลิลลี่ ดอกฟ๊อกซ์ ซัลเวียแดง บลูซัลเวีย อาซาเลีย ไฮเดรนเยีย ลิลี่ เบญจมาศ แปลงผักปลอดสารพิษ
       
       อีกหนึ่งสถานที่ชมทิวลิปอยู่ที่ดอยผาแดง ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง เป็นทิวลิปจากประเทศเนเธอร์แลนด์และจีน รวม 4 สายพันธุ์ 4 สี ได้แก่ สีแดง ม่วง เหลือง และขาวแดง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังดอยอ่างขางหรือใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ไป จ.เชียงราย สามารถแวะเข้าสัมผัสได้อย่างสะดวกสบาย
       
       ถนนดอกไม้ ทองกวาวบานตระการตา จ.พะเยา
       
       เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์จาก อ.ดอกคำใต้ไป อ.จุน จ.พะเยา คือเส้นทางซึ่งสวยที่สุดจนแทบไม่น่าเชื่อว่า จะมีเส้นทางเช่นนี้อยู่จริงในเมืองไทย ช่วงซึ่งดีที่สุดบนถนนสายนี้ที่จะเห็นดอกทองกวาวบานมีระยะทางราว 20กม. นับจากกิโลเมตรที่ 5 เป็นต้นไป
       
       โดยในฤดูนี้สองข้างทางจะกลับกลายจากถนนสายธรรมดาๆ เป็นถนนสายดอกไม้บานที่มีสีสันตระการตา อย่างไม่น่าเชื่อนั่นคือ ดอกทองกวาว (Butea monosperma) สีแสดซึ่งมองเห็นเด่นชัดไปไกลสุดสายตา สวยจนได้รับการบรรจุให้อยู่ในโครงการ 12เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน ของ ททท.
       
       ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ช่วงเวลาเช้าและเย็นฤดูกาลที่ดีที่สุด เดือนกุมภาพันธ์ จุดชมวิวที่ดีที่สุด ประมาณกม.ที่ 5 จาก อ.ดอกคำใต้ไป อ.จุน จ.พะเยา เส้นทางนี้ยังสามารถเดินทางต่อไป ขึ้นภูชี้ฟ้าได้ โดยที่ฤดูเดียวกันนี้บนภูชี้ฟ้า ก็มีดอกเสี้ยวกำลังบานรอคุณอยู่ด้วยเช่นกัน

ดอกฝิ่นปลูกเพื่อการท่องเที่ยว ณ บ้านม้งดอยปุย
       ดู ‘ดอกฝิ่น’ บนดอยปุย จ.เชียงใหม่
       
       แถมท้ายสถานที่ดูดอกไม้ไม้ดีๆอีกที่หนึ่ง คือ ที่ ดอยปุย จ.เชียงใหม่ บริเวณชุมชนม้งดอยปุย ห่างจากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเศน์ 3 กม.
       
       มีจุดเด่นที่รวบรวมไว้ ณ จุดนี้คือ มีน้ำตกธรรมชาติขนาดเล็ก ที่ยังคงธรรมชาติไว้เช่นเดิม แปลงปลูกไม้ดอกนานาชนิด บ้านม้งตัวอย่าง ซึ่งภายในบ้านจะมีการจัดแสดงสิ่งแปลกประหลาดที่เก็บรวบรวมได้ และที่ไฮไลต์ในศูนย์ท่องเที่ยวแห่งนี้คือ แปลงสาธิตการปลูกฝิ่น ที่ได้ขออนุญาตปลูกถูกต้อง มีดอกฝิ่นออกดอกให้ชม ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กล่าวได้ว่า หากใครจะดูการปลูกฝิ่น ดูดอกฝิ่น ในประเทศไทยมีอยูที่นี่ที่เดียว
       
       เพราะเขาต้องการทิ้งไว้เตือนใจว่าเดิมที่นี่เคยมีการปลูกฝิ่น ที่นิยมปลูกกันเช่นอดีต ก็ได้เลิกราไป จึงหันมาปลูกพืชอื่นที่มีรายได้ดีกว่า เช่น การปลูกไม้ผล ไม้ดอกเมืองหนาว เป็นการทดแทน
       
       ขาวโพลนทั่วป่า นามว่าดอกเสี้ยว
       
       เหนือขึ้นไปจากดอยผาหม่นอีกไม่ไกลในเส้นทางเดียวกันบนยอดดอย "ภูชี้ฟ้า" จ.เชียงราย ช่วงเดือนม.ค. – ก.พ. นอกจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและวิวทะเลหมอกอันเลื่องชื่อแล้ว บนภูชี้ฟ้ายังเป็นช่วงที่ดอกเสี้ยวบานขาวโพลนเป็นเวิ้งทั่วป่ารอบเชิงเขาอีกด้วย
       
       "ดอกเสี้ยว"หรือ"ชงโคป่า"นิยมขึ้นตามภูเขาเทือกเขาดอยผาหม่น สวยสะพรั่งบนยอดดอยเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงามอีกหนึ่งเสน่ห์ของภูชี้ฟ้ามีทั้งสีขาวและสีชมพูอ่อน ในช่วงเดือน ก.พ.ะหว่างวันที่ 13-15 ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลดอกเสี้ยวบาน แต่ก่อนและหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์นักท่องเที่ยวก็สามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้ เพราะเป็นช่วงที่ดอกเสี้ยวผลิบานทั่วขุนเขา
       
       หนาวนี้คิดได้หรือยังว่าจะจะเดินทางขึ้นเหนือยลบุปผางามแห่งไหนดี.

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000145623

 

http://flash-mini.com/music/แอ่วเมืองเหนือ__2mIIrjBIIs.htm


 เพลงแอ่วเหนือ




   



 
 

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง ***แอ่วเหนือ*** (((เมื่อหน้าดอกไม้บาน)))
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

นายสุรงค์ โพชนิกร
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
นายสุรงค์ โพชนิกร..