ปราสาทวัดพู มรดกโลกคู่ลาวใต้
โดย : กฤติศิลป์ ศักดิ์ศิริ
ปราสาทวัดพู ถือได้ว่าเป็นโบราณสถานอันสำคัญที่สุดในแขวงจำปาสัก ทางตอนใต้ของประเทศลาว โดยได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของลาวต่อจากหลวงพระบาง ตั้งอยู่บนเนินเขาพูป่าสักหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พูควาย(ชาวลาวอ่านออกเสียงโดยไม่มีสระอา) เหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะภูเขาด้านหลังมีลักษณะคล้ายศิวลึงค์ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 12 สมัยพระเจ้ามเหนทรวรมัน ยุคที่ขอมเรืองอำนาจ ตัวปราสาทมีลวดลายแกะสลักอย่างประณีตงดงามไม่แพ้นครวัดในประเทศเขมร โดยมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่สำหรับบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ด้วยการทำพิธีกรรม การเซ่นไหว้ รวมถึงการบูชายัญ
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007pipit.gif)
ด้านหน้าฝั่งซ้ายมือก่อนถึงทางเข้าปราสาทวัดพูจะมีพิพิธภัณฑ์ ภายในแสดงชิ้นส่วนประติมากรรม และสถาปัตยกรรมที่ขุดได้จากภายในปราสาทวัดพู ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีของที่ระลึกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงห้องน้ำไว้บริการ
สำหรับค่าเข้าชมปราสาทวัดพู ต่างชาติจะอยู่ที่ราคา 30,000 กีบ หรือ 120 บาท ส่วนคนลาวราคา 500 กีบ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 16.30 น. โดยต้องจอดรถไว้ริมถนนด้านนอก หน้าทางเข้าปราสาทวัดพูมีร้านขายอาหาร และเครื่องดื่มให้บริการอยู่เพียงร้านเดียว สินค้าของร้านนี้จึงแพงกว่าร้านค้าทั่วไป เพราะลูกค้าของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวต่างชาติ
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007krok.gif)
หน้าร้านค้ามีแม่ค้านั่งหยอดขนมครกขายเป็นสีสัน แต่ขนมครกของที่นี่ต้องราดน้ำตาลทรายก่อนรับประทาน เพราะไม่ได้ใส่น้ำกะทิผสมน้ำเชื่อมอย่างบ้านเรา ข้างๆร้านค้าจะมีเพิงขายดอกไม้ที่ทำเป็นกระทงใบตอง ลักษณะคล้ายบายศรี ขายพร้อมธูปเทียนในราคา 5,000 กีบ เพื่อให้ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวนำขึ้นไปบูชาพระพุทธรูป และจุดสำคัญต่างๆ ภายในปราสาท
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007vieww.gif)
อาณาบริเวณด้านหน้าของปราสาทวัดพูเป็นบาราย(สระน้ำ)ขนาดใหญ่ ที่บ่งบอกถึงความเป็นศิลปะขอมโบราณขนานแท้ ในอดีตบารายแห่งนี้มีไว้สำหรับแข่งเรือและสรงน้ำในพิธีกรรมต่างๆ
ทางเข้าสู่ตัวปราสาทวัดพูเป็นเส้นทางเดินเท้าผ่านถนนลาดยางยาวประมาณหนึ่งกิโลเมตร ขนานกับทางเดินอีกด้านซึ่งยังคงเป็นพื้นหินขรุขระที่มีมาแต่ดั้งเดิม ริมฝั่งทางเดินด้านนี้มีร่องรอยซากปรักหักพังของเสานางเรียงเก่าแก่ตั้งอยู่ทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่ชำรุดทรุดโทรมจนเหลือไว้ให้เห็นแค่เพียงโคนเสา และเศษซากของหัวเสาที่อยู่ในสภาพแตกหักเท่านั้น
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007palace.gif)
พ้นจากทางเดินเสานางเรียงขึ้นมาจะพบกับซากปราสาทโบราณสองหลัง ที่แม้ว่ากาลเวลาจะพร่าผลาญความงดงามของตัวปราสาท รวมถึงลวดลายแกะสลักให้ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก แต่บนความชำรุดทรุดโทรมนั้น กลับทำให้ยิ่งมองเห็นคุณค่าของความเป็นโบราณสถานที่มีความขรึมขลังอลังการปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ปราสาททั้งสองหลังนี้มีประวัติว่าถูกสร้างขึ้นก่อนราชวงศ์ล่มสลายไม่นานนัก เพื่อใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรงานประจำปีของปราสาทวัดพู
งานประจำปีของปราสาทวัดพู ถือเป็นงานประเพณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือวันเพ็ญเดือนสามเป็นเวลารวม 3 วัน ชาวลาวนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้บูชาตามจุดต่างๆ นอกจากเป็นงานบุญประเพณีแล้ว ภายในงานยังมีการออกร้านขายอาหาร การละเล่น และการแข่งขันอื่นๆ ตามความนิยมของชาวลาว จนถึงวันสุดท้ายของงานจะมีพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาตรับข้าวปลาอาหาร และสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาทำบุญ
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007saoo.gif)
ถัดจากปราสาททั้งสองหลังจะพบกับทางเดินที่มีเสานางเรียงตั้งขนานกันปรากฏอยู่อีกครั้ง หากเทียบกับระยะเวลาที่ผ่านพ้น ถือได้ว่าเสานางเรียงบางส่วนซึ่งตั้งอยู่บนทางเดินที่ทอดตัวยาวไปจรดบันไดทางขึ้นนั้นยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก ก่อนถึงบันไดชั้นแรกจะพบต้นจำปาลาวยืนตระหง่านเรียงกันอยู่ทั้งสองฝั่ง ราวกับถูกบรรจงสร้างไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อาศัยร่มเงาของมันหลบแดด และนั่งพักเหนื่อย ก่อนเดินผ่านทางลาดชันขึ้นสู่ชั้นบน
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007bandai.gif)
เมื่อเดินตรงขึ้นไปอีกเพียงเล็กน้อยจะพบบันไดชั้นแรกในจำนวนทั้งหมด 3 ชั้นก่อนถึงตัวปราสาทชั้นบนสุด ชั้นที่ 2 มีซากของปรางค์สองหลังตั้งขนาบข้างกัน ส่วนทางขึ้นบันไดชั้นที่ 3 จะมีซุ้มต้นจำปาลาวเก่าแก่ 2 ต้น โน้มตัวเข้าหากันได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ทางขึ้นชั้นนี้ชันมากกว่าชั้นอื่น เพราะบันไดเป็นก้อนหินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสวางซ้อนทับกันถี่ๆ และมีหน้าแคบ เวลาเดินขึ้นไปจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ก่อนก้าวขึ้นบันได ทางด้านขวามือจะมีรูปเคารพของ “พญามกทา” (อ่านว่า มะกะทา) ขนาดเท่าคนจริงยืนตระหง่านรอรับผู้มาเยือน
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007topp.gif)
บริเวณอาณาเขตชั้นที่ 3 ของปราสาทวัดพูเป็นที่ตั้งของปรางค์ประธาน หน้าประตูทางเข้าด้านซ้ายและขวาสุดมีภาพแกะสลักของทวารบาล ส่วนผนังของประตูกลางทั้งสองด้านปรากฏรูปแกะสลักอันอ่อนช้อยงดงามของนางอัปสรา รวมถึงทับหลังอีกหลายชิ้นด้วยกัน ภาพสลักลวดลายที่ประณีตวิจิตรเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอารยธรรมขอมโบราณได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุที่ปราสาทวัดพูในอดีตเคยเป็นศาสนสถานของขอม ภายในปรางค์ประธานจึงเคยเป็นที่ตั้งของศิวลึงค์มาก่อน ต่อมาเมื่อสิ้นยุคของอาณาจักรเจนละ ชาวลาวซึ่งนับถือศาสนาพุทธได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ บริเวณนี้ได้เปลี่ยนปราสาทแห่งนี้เป็นวัด แล้วนำพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานไว้ให้กราบไหว้บูชาแทน
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007teemuu.gif)
ด้านขวาของปรางค์ประธานมีแผ่นหินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแกะสลักเป็นรูปตรีมูรติ ที่หมายถึงเทพเจ้า 3 องค์ ผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในศาสนาฮินดู ประกอบด้วย พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ เชื่อกันว่าเป็นฝีมือของชาวเจนละ ตรงพื้นด้านหน้าของตรีมูรติจะมีดอกไม้ธูปเทียนของผู้ศรัทธานำมากราบไหว้บูชาเพื่อแสดงความเคารพ
ถัดจากแผ่นหินสลักรูปตรีมูรติจะเป็นโบสถ์ไม้เก่าคร่ำคร่าที่ไร้ผู้คนอาศัย แต่มีสิ่งของจำพวกถุงใส่ภาชนะแขวนไว้ตามหัวเสาปรากฏอยู่ โดยโบสถ์นี้ใช้สำหรับเป็นที่พำนักของพระภิกษุในช่วงเทศกาลงานประจำปีของวัดพู
หลังโบสถ์ไม้เป็นเส้นทางคดเคี้ยว รายรอบครอบคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย อันเป็นที่ตั้งของก้อนหินขนาดใหญ่ ที่แกะสลักพื้นผิวลักษณะเหมือนภาพประติมากรรมนูนต่ำเป็นรูปช้าง ด้านหน้าของรูปสลักช้างนี้ไม่แตกต่างจากตรีมูรติ นั่นคือมีดอกไม้ธูปเทียนที่มีคนนำมาสักการะบูชาเช่นกัน
![](http://www.thaiwriternetwork.com/memberpic/kidsin131007hin.gif)
ถัดจากรูปสลักช้างจะพบหินจระเข้ ลักษณะของหินก้อนนี้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อหินถูกสกัดเป็นร่องลึกรูปทรงคล้ายจระเข้ ชาวลาวมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าหินจระเข้นี้มีไว้สำหรับทำพิธีบูชายัญ รวมถึงหินแกะสลักรูปบันไดนาคที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหินจระเข้ก็ถูกคาดเดาว่ามีไว้ใช้เพื่อการนี้เช่นกัน
ในดินแดนแห่งภูเขาและสายน้ำอย่างประเทศลาว นอกจากโบราณสถานที่สูงค่า ตระการตาอย่างปราสาทวัดพูแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีกมากมายที่น่าสนใจ
และคุ้มค่ากับการมาเยือน.
ที่มา www.thaiwriternetwork.com/twncolumnread.php?id=218