กระทรวงเกษตรสหรัฐ รายงานผลวิจัยว่า ผักผลไม้ที่เราบริโภคนั้นแม้จะเป็นชนิดเดียวกัน แต่ก็มีปริมาณสาร "ฟลาโวนอยด์" หรือ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านโรคภัยไข้เจ็บมาก-น้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความเครียดที่พืชได้รับระหว่างการเพาะปลูก
เดวิด เฮย์โทวิตซ์ หนึ่งในผู้ทำวิจัย ระบุว่า แมลงศัตรูพืชและสภาพอากาศมีผลทำให้พืชตึงเครียดแต่กลับส่งผลดี เพราะยิ่งพืชมีความตึงเครียดสูงก็จะผลิตฟลาโวนอยด์มากขึ้น นั่นอาจเป็นสาเหตุอธิบายว่าเหตุใดพืชที่ปลูกตามแนวทางธรรมชาติปลอดสารพิษจึงมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าพืชที่อยู่ตามสวนที่ใช้สารเคมี
ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น "สีสัน" ก็มีความเกี่ยวข้องทางเคมีกับสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นใน บลูเบอร์รี่ดิบ แบล็กเบอร์รี่ แครนเบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี่ ทั้งหมดมีฟลาโวนอยด์หลายชนิดในระดับสูงมาก ซึ่งมีสรรพคุณลดการอักเสบและกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย แต่สีสันก็ไม่ได้บ่งชี้ระดับสารต้านอนุมูลอิสระเสมอไป
ในบรรดาผลไม้ต่างๆ พบว่า แอปเปิ้ลสีแดงสด แอปเปิ้ลสีทอง แอปเปิ้ลฟูจิ และแอปเปิ้ลกาลาที่ไม่ปอกเปลือกล้วนมีฟลาโวนอยด์ปริมาณมาก เช่นเดียวกับกีวีธรรมดาและกีวีสีทองก็มีฟลาโวนอยด์ปริมาณสูง ขณะที่การปรุงสุกทำให้ผักหลายชนิดสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น บร็อกโคลี่และมะเขือเทศดิบมีฟลาโวนอยด์มากกว่าที่นำไปปรุงสุก ด้านถั่วทุกชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง แต่อัลมอนด์ พิทาชิโอและเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าถั่วบราซิล ถั่วลิสง แม็กคาเดเมียและถั่วรสอร่อยอื่นๆ
"ผู้บริโภคควรรับประทานพืชผักหลายชนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับสารฟลาโวนอยด์ที่หลากหลาย" เฮย์โทวิตซ์ แนะทิ้งท้าย
ข้อมูลจาก ข่าวสด และ :women.thaiza.com/
|