หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
สมปอง จันทคง
จากจังหวัด จ.ยโสธร

นิทานมุกตลก
โพสต์เมื่อวันที่ : 18 พ.ย. 2552 IP : เปิดอ่าน : 9059 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(57.20%-100 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

 

นิทานตลก  เป็นนิทานที่มีมุขตลก  แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ  มุขตลกเจ้าปัญญา  ความขบขันอยู่ที่ความไม่น่าเป็น ไปได้ของพฤติกรรม  เช่นเรื่องเกี่ยวกับความฉลาด  ความโง่เขลา  การแก้เผ็ด  การคุยโว  หรือขบขันพฤติกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของคนพิการ  เช่น นิทานเกี่ยวกับคนตาบอด หูหนวก ขาติด  เซียงเมี่ยง  และมุขตลกหยาบโลน  ความขบขันอยู่ที่เรื่องความผิดปกติทางเพศ  ผิดประเวณี  หรือการใช้ภาษาผิดสองแง่สองง่าม  คำผวน  แต่บางเรื่องใช้ศัพท์ ทางเพศตรง ๆ ซึ่งปกติไม่นำมาพูดในสังคมของคนที่ไม่สนิทสนมกัน  มักพูดในวงสนทนาระหว่างกลุ่ม  เช่น  วงเหล้า วงเพื่อนฝูง  เป็นต้น

                                                              ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนพระกับเณร

เรื่อง  หลวงพ่อขี้ไก่โป่

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ในหมู่บ้านมีวัดแห่งหนึ่งมีหลวงตากับเณรน้อย  วันหนึ่ง             หลวงตาได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน  ก่อนจะเข้าไปในหมู่บ้านได้กำชับเณรน้อยว่าอย่าให้ไก่ขึ้นมาขี้บนศาลา  ให้ไล่ไก่ให้ดีอย่าหนีไปไหน  เณรน้อยรับคำ  ส่วนหลวงตาก็เข้าไปในหมู่บ้านตามที่รับนิมนต์ไว้  พอเสร็จกิจนิมนต์แล้วหลวงตาก็กลับวัด  เห็นขี้ไก่โป่เต็มศาลา  ก็เลยโมโห         ให้เณรน้อย เรียกเณรน้อยมาทำโทษโดยการให้เลียกินขี้ไก่โป่ทุกกอง  เณรน้อยนั้นทีแรกก็ทำท่าสะอิดสะเอียนเพื่อไม่ให้หลวงตาสงสัย  เสร็จแล้วก็ก้มเลียขี้ไก่โป่กองแล้วกองเล่าจนเกือบหมดเหลือสองกองสุดท้าย  หลวงตาสังเกตดูการเลียกินขี้ไก่โป่ของเณรน้อยคงอร่อยแน่ ๆ  ก็เลยสั่งให้หยุดกิน  หยุด ๆ ๆ ๆ  มันเป็นจั่งใด๋  หวานบ่  คือเป็นตาแซบแท้   เณรน้อยก็ว่าอร่อยหวานหอมและบอกให้หลวงตาลองชิมดู  หลวงตาจัดการทันที  ร้องว่า  อือ / แซบอีหลี หวาน……หอม….  นี่เณรน้อยมื้อหน้าบ่ต้องไล่ไก่หนีเด้อ  ไปไล่มันขึ้นมาขี้ไว้หลาย ๆ  หลวงตาสั่งเพราะไม่รู้ทัน          เณรน้อย   จริง ๆ  แล้วเณรน้อยเคี่ยวน้ำอ้อยให้เหนียวแล้วกวาดศาลาอย่างสะอาดและหยอดน้ำอ้อยที่เคี่ยวแล้วเป็นกอง ๆ ทั่วศาลามันจึงมีรสหวานหอมติดใจ

                วันต่อมาหลวงตารับกิจนิมนต์อีก ไปฉันจังหันในหมู่บ้าน  รับนิมนต์ทีไรไม่เคยให้               เณรน้อยไปด้วยสักที  เณรน้อยเลยแกล้งไล่ไก่ขึ้นบนศาลาไก่กลัวก็ขี้ราดศาลาไว้มากมาย  หลวงตากลับจากในบ้านมาที่วัดเห็นขี้ไก่เต็มศาลาก็ดีใจ  ไม่พูดพร่ำทำเพลงขึ้นไปถึงก็ก้มเลียทันที                     กองแรกเหม็นหึ่งน่าสะอิดสะเอียน  ยังไม่เชื่อปากตัวเอง  กองที่สองก้มลงเลียอีกก็เหม็นหึ่งอีก หวานก็ไม่หวาน  จึงเรียกเณรน้อยมาถาม  เณรน้อยจึงว่า  กะมื้อนี้มันเป็นขี้ไก่โป่แท้ ๆ  บ่คือ             มื้อวานนี้  มื้อวานนี้  ขะน้อยเคี่ยวน้ำอ้อยอย่างดีมันกะแซบซั่นแล้ว ขะรับ  

 

ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนเรื่องเพศ

เรื่อง  พิมพ์ดีด

 

                ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง  มีข้อตกลงใช้คำศัพท์เฉพาะคนรู้ใจสองต่อสองว่าหากสามีภรรยาจะมีอะไรกุ๊กกิ๊กกัน  ให้ใช้คำว่า  พิมพ์ดีด  แทนก็จะเป็นที่เข้าใจกัน  สามีนั้น      ลาศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด  นาน ๆ จะกลับบ้านครั้งหนึ่ง  เสาร์นี้                      ก็เช่นเดียวกัน  เป็นวันสิ้นเดือน  สามีก็กลับบ้านเช่นเคย  มาถึงบ้านมองหาภรรยาไม่พบ  จึงถามลูกว่า  แม่ไปไหน  ลูกบอกว่า  แม่ไปตลาด  พ่อเลยบอกกับลูกว่า  ไปตามแม่ให้พ่อหน่อย                ให้บอกกับแม่ว่าพ่อกลับมาถึงบ้านแล้วและพ่ออยากจะพิมพ์ดีด  ลูกไม่รู้อะไรก็รีบวิ่งด้วยความ            ดีใจที่พ่อกลับมา  พอลูกไปพบแม่ที่ตลาดก็บอกว่า  แม่ ๆ พ่อกลับมาแล้ว  พ่อบอกว่าให้แม่            กลับบ้านด่วน  พ่อจะพิมพ์ดีด  ส่วนแม่เก็บเงินค่าแชร์ไม่ได้ก็เคืองใจ  ตอบลูกไปว่า  ไปบอก         กับพ่อนะว่าเครื่องพิมพ์ดีดชำรุดแล้ว  ลูกก็รีบวิ่งกลับมาบอกพ่อว่า  พ่อ ๆ แม่บอกว่าเครื่องพิมพ์ชำรุดแล้ว  พ่อก็ไม่ว่ากระไร  แต่พอตกตอนเย็นต่างคนต่างอาบน้ำอาบท่าเสร็จใจดีขึ้นบ้างแล้ว  พอเข้านอนภรรยาจึงสะกิดสามีว่า   พ่อ ๆ บ่พิมพ์ดีดบ้อ  ข้อยซ่อมแล้ว ๆ เด๊ะ   ด้วยความหงุดหงิดสามี ๆ  เลยตอบภรรยาว่า  บ่พิมพ์บ่เพิมมันละ  ข้อยใช้มือเขียนเรียบร้อยแล้ว                     

 

ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนคนพิการ

เรื่อง  ขาติดกับตาบอด

                ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเพื่อนสนิทอยู่คู่หนึ่ง  คนหนึ่งตาบอด  อีกคนหนึ่งขาติด  ทั้งสองชอบไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  โดยตาบอดจะให้ขาติดขี่หลังดูทางตนเองเป็นขาพาเดินไปทุกที

ที่ต้องการ  วันหนึ่งเดินเที่ยวตามทุ่งไปพบต้นไม้ใหญ่  เห็นรังนกอยู่ยอดไม้  ขาติดจึงให้ตาบอด เป็นคนปีนโดยตัวเองจะเป็นคนบอกทาง  ตาบอดปีนขึ้นไปบนต้นไม้  ขาติดก็บอกทางให้จนถึงยอดไม้ที่มีรังนก  ตาบอดล้วงเข้าไปในรังนกกำได้คองูเห่าดึงออกมานึกว่าเป็นคอนก  ขาติดร้องบอกว่า  งู ๆ ๆ  กว่าจะวางคองูได้งูเห่าก็เป่าตาเสียจนกลายเป็น ตาดี  พอโยนงูเห่าลงมาข้างล่าง  ขาติดกลัวก็กระโดดจนขาฉีกออกจากกัน  ทั้งสองกลับกลายเป็นคนปกติ  พากันเดินกลับบ้านด้วยความสุขใจ 

 

ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนพ่อตากับลูกเขย

เรื่อง  พ่อเฒ่ากับลูกเขย

                ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีพ่อเฒ่ากับลูกเขยคู่หนึ่ง  ชอบทำอะไรที่ไม่ลงรอยกันเสมอ ๆ             

วันหนึ่ง  ลูกเขยเดินแวะมาที่บ้านพ่อตาในตอนกลางคืน  ร้องเรียกถามพ่อตาว่า  พ่อเฒ่า ๆ              นอนแล้วบ้อ  พ่อตาตอบทันทีว่า  นอนแล้ว  ลูกเขยเลยพูดแหย่รุนแรงว่า  นอนแล้ว                  หมาบ้อเว้า  พ่อตาโกรธมากกะจะแก้แค้นในคืนถัดไป  วันต่อมา  พ่อตาก็เดินแวะไปทางบ้านลูกเขยในตอนกลางคืน  ร้องถามลูกเขยว่า  ลูกเขย ๆ นอนแล้วบ้อ  ลูกเขยก็ตอบมาว่า 

นอนแล้วแต่บ่ทันหลับ  พ่อตาได้แต่คราง  ฮึม  ! ๆ ๆ 

 

ตัวอย่างนิทานตลกล้อเลียนเชาวน์ปัญญา

เรื่อง  เซียงเมี่ยงขี้ตั๋ว

                ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเซียงเมี่ยงเจ้าปัญญา  เป็นข้ารับใช้ราชาองค์หนึ่งด้วยความมีปัญญาแก้ปัญหาได้ฉับไว  กิตติศัพท์เลื่องลือว่าเซียงเมี่ยงเป็นคนขี้ตั๋ว  ทำให้คนหลงกลอยู่บ่อย ๆ พระราชาก็อยากลองดี  จึงเรียกเซียงเมี่ยงเข้าเฝ้า  แล้วบอกว่า  กูได้ยินกิตติศัพท์ว่ามึงตั๋วเก่ง  แม่นบ้อ  คันมึงแน่  มึงตั๋วกูกระโดดลงในสระน้ำเบิ่ง  เซียงเมี่ยงก็ทำหน้าละห้อย  ทูลว่า    ข้าน้อยตั๋วคนลงน้ำบ่เป็นดอกขะรับ  เคยตั๋วแต่เอาคนขึ้นจากสระน้ำท่อนั้น  พระราชาไม่รู้ทัน เซียงเมี่ยง  ก็กระโดดลงในสระน้ำทันที  แล้วบอกเซียงเมี่ยงว่า  เอ้า ! บาดนี่  มึงแน่จริงตั๋วกูขึ้น จากสระน้ำเบิ่ง    เซียงเมี่ยงจึงว่า  ข้าน้อย  ได้ตั๋วญาท่านลงไปในน้ำได้แล้ว  คั่นบ่ย่านหนาว            กะอยู่ในสระน้ำนั่นโลด  พระราชาจึงถึงบางอ้อ  กูตกล้อมันจนได้เว้ย 

นิทานคติ  เป็นนิทานที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแผ่ศาสนา  เป็นเครื่องมือถ่ายทอด

คำสอน  เช่น  การทำความดี   กฎแห่งกรรม  นิทานชาดก  เป็นต้น

ตัวอย่างนิทานคติ

เรื่อง  หาบไห

 

                นานมาแล้วมีสามีภรรยาอยู่  2  คู่  ซึ่งเป็นพี่กับน้องกัน  และได้ไปใส่ไซที่ทุ่งนาซึ่งมีร่องน้ำเล็ก ๆ  เช้าวันหนึ่งผู้พี่ได้ไปใส่ไซและได้ปลามามากมายนำมาขายได้เงินจำนวนมาก  ส่วนผู้น้องเป็นคนโลภมากจึงไล่ผู้พี่ให้ไปใส่ไซที่นาคนอื่น  ตนเองไปใส่แทนที่พี่ชาย  พอไปใส่ก็ได้แต่ปลาเล็กปลาน้อย  ปลาหมัดปลาซิว  จึงทำลายร่องน้ำนั้นเสีย  ทำให้ผีที่ร่องน้ำนั้นไม่พอใจ             จึงบีบคอผู้น้องตาย  ผู้น้องตายเป็นผีจึงหาบไหมาที่บ้าน  พอเมียเห็นเข้าก็นึกดีใจนึกว่าเป็นไหเงินไหคำจึงรีบรับเอา  แต่พอเงยหน้ามองดูหน้าผัวอีกทีกลายเป็นผีก็ตกใจกลัวร้องลั่นและขาดใจตาย

                นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  โลภมากลาภหาย  

 

 

 

 

 

 

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง นิทานมุกตลก
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

สมปอง จันทคง
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
สมปอง จันทคง..