ในยุคสมัยนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพาการขยายศักย ภาพการผลิตให้สูงขึ้น ด้วย การเพิ่มจำนวนเครื่องจักรหรือ แรงงานได้เพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันประเทศให้เจริญก้าวหน้า ไม่เพียงในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านสังคมและการศึกษาด้วย
พระปรีชาสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความตั้งพระราช หฤทัยที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทย เป็นที่ประจักษ์ชัดและเป็นที่สรรเสริญ พระเกียรติคุณทั่วทุกสารทิศ นับแต่วันที่เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นต้นมากระทั่งปัจจุบันเป็นเวลากว่า 60 ปี ได้ทรง นำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้า มาประยุกต์ใช้ โดยทรงริเริ่มโครงการพระราชดำริมากมายรวมถึงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อบรรเทาทุกข์บำรุงสุขของประชาชน อีกทั้ง ยังทำให้ประเทศไทยก้าวทันต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับนานาชาติ
พระอัจฉริยภาพใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำไปสู่แนวคิดและทฤษฎีของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการพัฒนาทั้งในเรื่องของน้ำ ดิน ป่า และการเกษตร ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ดังเช่น โครงการเครื่องดักหมอก ที่ทรงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากหมอกที่ล่องลอยในอากาศว่า ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขา และสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500 เมตรขึ้นไป มักจะมีหมอกหนาแน่น หากสามารถนำไอน้ำที่มีอยู่ในหมอกมาใช้ได้ ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลด้านการเกษตร เช่น การปลูกป่า เป็นต้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมว่า
“...แผงดักหมอกนี้ สามารถช่วยบังแดดบังลมให้กับต้นไม้ ในระยะเวลาที่เริ่มทำการปลูกต้นไม้ หรือในระยะแรกที่ต้นไม้เริ่มเติบโตขึ้นได้ ส่วนวัสดุที่จะนำมาใช้ในการดักหมอกนี้ ควรจะเป็นวัสดุประเภทที่รูพรุนมาก ๆ เช่น ตาข่ายไนลอนซึ่งจะทำให้เกิดการจับตัวของหยดน้ำได้ดี อีกทั้งการใช้วัสดุที่เป็นเสื่อลำแพน การสานอย่าให้ทึบ ควรสานให้โปร่ง เนื่องจากในอากาศนั้นมีความชื้นอยู่แล้ว จะทำให้เกิดการควบแน่นและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้...”
การทำเครื่องดักหมอก จะใช้วัสดุท้องถิ่นที่หาได้ง่ายและราคาถูก เช่น ตาข่ายไนลอน เสื่อลำแพนหรือถุงปุ๋ย ไนลอน มาเป็นอุปกรณ์สร้างแผงขึงวัสดุดังกล่าวเพื่อดัก ไอน้ำจากหมอก โดยวางให้ตั้งฉากกับทิศทางลมพัด ซึ่งจะทำให้ดักหมอกได้ในอัตราสูง โดยไอน้ำจากหมอกจะกระทบกับแผงดักหมอกทำให้เกิดลักษณะคล้ายหยดน้ำ
เฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กล่าวถึง พระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานผ่านมายังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทั่วทุกภูมิภาคของประชาชนว่า มีทั้ง โครงการแกล้งดิน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาดินเปรี้ยว และปรับปรุงดินให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
โครงการฝนหลวง ซึ่งเป็นการจัดการทรัพยากรน้ำในบรรยากาศให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการแก้มลิง แก้ไขปัญหาน้ำท่วม โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา โครงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ควบคู่ไปกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคม โครงการฝายชะลอความชุ่มชื้น ช่วยพลิกฟื้นผืนป่าให้สมบูรณ์ แนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ การบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการหญ้าแฝก กำแพงธรรมชาติที่มีชีวิต และ โครงการผลิตพลังงานทดแทน
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริในการดำเนินโครงการต่าง ๆ โดยคำนึงถึงแนวทางภูมิศาสตร์สังคม โดยดูจากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ เช่น ภาคเหนือ เป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธาร ก็ได้พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาให้จัด ทำฝายชะลอความชุ่มชื้น ส่วนเครื่องดักหมอกเป็น แนวพระราชดำริที่ทรงเห็น ว่า ราษฎรทำได้เองโดยง่าย เหมาะกับเกษตรกรรมในพื้นที่สูง เนื่องจากมีความชื้นและ ใช้ประโยชน์ได้จริงในช่วงหน้าหนาวที่มีหมอก”
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทในการสร้างผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้แก่ประเทศไทย รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ อันเป็นคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อพสกนิกรชาวไทยและชาวโลก จึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเฉลิมพระเกียรติในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” และยังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจัด “งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2551” (TechnoMart & InnoMart 2008) ขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศ การและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ
ภายในงานจะพบกับนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ในพื้นที่ Royal Pavilion ซึ่งนำเสนอพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านแนวคิดเชิงบูรณาการภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารและพลังงาน รวมทั้งการแปรรูปเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการใช้ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมนำมาประยุกต์ใช้กับการผลิตในภาคการเกษตร ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักของประเทศ เพื่อแก้ปัญหากับวิกฤตการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการ จัดแสดงเทคโนโลยีเครื่อง จักรกลยอดเยี่ยม ประจำปี 2551 ผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย จากหน่วยงานทุกภาคส่วนในเชิงบูรณาการ เวทีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย
ตลอดจน การซื้อขายเทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ อันจะนำไปสู่การต่อยอดเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการใช้งานคลินิกเทคโนโลยี การบริการให้คำปรึกษาแก่เจ้าของธุรกิจในด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในเชิงปฏิบัติและที่พลาดไม่ได้ คือ การสร้างเทค โนโลยีโดยการใช้สมาธิ
นับเป็นโอกาสดีในการศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ และการเปิดรับข้อมูลความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย เพื่อนำความรู้ต่าง ๆ ที่ได้มาพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ ในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งและขยายตัวอย่างมั่นคง.
งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2551
ภายในงานประกอบด้วย
1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง “แนวคิดทฤษฎีใหม่ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” หรือ Royal Pavilion
- แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพ ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” จากการดำเนินโครงการ “ฝนหลวง” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” จากการดำเนินโครงการ “แกล้งดิน”
- การจัดนิทรรศการที่สะท้อนรูปแบบการคิดเชิงบูรณาการ ซึ่งเป็นการเกษตรแบบผสมผสาน
- การนำเสนอโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวข้องกับการ นำเทคโนโลยี หรือ นวัตกรรมใหม่ ๆ มาปฏิบัติจริง ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนชาวไทยทุกคน โดยแบ่งเป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ การจัดการด้านการเกษตร การจัดการเชิงธุรกิจ การจัดการด้านพลังงานทดแทน และการจัดการน้ำ
2. รางวัลเทคโนโลยีเครื่องจักรกลยอดเยี่ยมประจำปี 2551 ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีโดยบริษัทของไทย แบ่งประเภทรางวัลออกเป็น 3 สาขา ประกอบด้วย เครื่องจักรกลเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อม เครื่องจักรกลการผลิต และเครื่องจักรกลการเกษตร.
สนับสนุนข่าวจาก ![](http://www.lannathai-news.com/images/stories/link_newss/logo_delinews.gif)