สีแดงแห่งมงคล

ในความเชื่อของชาวจีนนั้น สีแดง เป็นสีมงคล เปรียบดั่งตัวแทนแห่งโชค และยังแสดงถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์อีกด้วย ซึ่งชาวจีนนั้นผูกพันกับสีอันโดดเด่นเช่นสีแดงนี้มาอย่างยาวนานจนเป็นสีประจำชาติจีนไปแล้วก็ว่าได้ และทุกแห่งทุกสถานที่มักมีสีแดงเข้ามาร่วมแจมสร้างความโดดเด่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งงาน ของไหว้ตามประเพณีต่างๆ ประทัด โคมไฟ อั่งเปา หรือแม้แต่ตัวอักษรจีนที่ต้องการความโดดเด่น และเป็นมงคลก็มักจะใช้หมึกสีแดงบนพื้นสีทอง หรือไม่ก็หมึกสีทองบนพื้นแดงเสมอมา

สีแดงในตัวตน

จะหญิงจะชาย จะขาวหรือดำ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ จะยากจนหรือมั่งมี ทุกผู้ตัวตนย่อมมีสีแดงแฝงไว้ในทุกอณูของร่างกาย

นั่นก็คือเลือดหรือโลหิตที่มีสีแดง ซึ่งเจ้าโลหิตสีแดงนี้จะทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนเพื่อให้เซลล์ต่างๆ ทำงานจนกลายเป็นพลังงาน และคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย

รู้กันหรือเปล่าว่าถ้านำเส้นโลหิตทั่วร่างกายมาต่อกัน จะมีความยาวถึง 9.6 หมื่นกิโลเมตร หรือความยาวเท่ากับ 2 เท่าครึ่งของระยะทางรอบโลก โดยเฉลี่ยแล้วปริมาณโลหิตในร่างกายจะมี 5-6 ลิตร และโลหิตจะมีการไหลเวียนโดยผ่านมาที่หัวใจถึง 1 พันเที่ยวต่อวัน ที่สำคัญเลือดยังทำหน้าที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยการควบคุมของยีน ซึ่งใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ทางนิติเวช และใช้ในการสืบเชื้อสายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม ใครเป็นพ่อใคร ใครเป็นลูกใคร พิสูจน์กันให้ประจักษ์มานักต่อนักกันแล้ว

สีโปรดของศิลปิน

สีโปรดปรานของศิลปิน ดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ แน่นอนย่อมเป็นสีแดง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ชิ้นงานนั้นโดดเด่นสะกดทุกสายตา และเป็นที่กล่าวถึงพลังแห่งสีแดงอันเจิดจรัสอยู่ตลอดเวลาที่พบเห็น เรื่องนี้ยืนยันได้จากนักจิตวิทยาที่ต่างบอกกันว่า ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ชื่นชอบสีแดงจนถึงขั้นที่นำมาเป็นสีเอกในการแต่งกาย แต่งบ้าน นั่นแสดงว่าคุณช่างเป็นคนที่มีชีวิตชีวา คุณยังเป็นนักฝันหวานตัวยง อย่างนี้ไงเล่าถึงทำให้คุณกลายเป็นขวัญใจของใครต่อใครได้ไม่ยากเลย

สีแดงตัวแทนแห่งความรัก

สีแดงยังแสดงถึงความรักแท้ เป็นสีประจำวัน "วาเลนไทน์" ในหนังสือภาษาดอกไม้ Les langauges des fleurs ของ เลดี้ แมรี่ เวิร์ธลีย์ มองตากู ที่ได้รวบรวมความหมายของดอกไม้ไว้กว่า 8 พันดอก ซึ่งให้ความหมายของดอกกุหลาบสีแดงสดได้อย่างน่าประทับใจว่า "สำหรับคุณที่สวยที่สุดของฉัน" ในศาสนาคริสต์ยังถือว่ากุหลาบสีแดงนั้น เกิดจากหยาดพระโลหิตของ   พระเยซูเมื่อถูกสวมมงกุฎหนาม มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศศาสนาที่พลีชีพเพื่อพระผู้เป็นเจ้า

สีแดงเชื่อมสัมพันธ์ทั่วโลก

แม้จะมีสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาเพิ่มความสะดวกสบายในการสื่อสาร จะไกลใกล้สื่อสารกันได้ดั่งใจสบายบรื๋ออออ... แต่การส่งจดหมายผ่านตู้ไปรษณีย์ ก็ยังเป็นวิธีการสื่อสารและสานความสัมพันธ์ที่แสนจะคลาสสิกอยู่ตลอดกาล

อันที่จริงตู้ไปรษณีย์นั้นมีหลายแบบหลากสีสัน แต่เหตุที่ตู้ไปรษณีย์บ้านเราใช้สีแดง นั่นก็เนื่องมาจากระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งริเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ ซึ่งรวมถึงตู้ไปรษณีย์สีแดงที่ชาวผู้ดีเขาใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองนี้ด้วย

ถ้าพูดถึงตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไม่ได้อยู่ไกล เพราะมันตั้งอยู่ที่ประเทศไทยของเรานี่เอง บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ใน อ.เบตง จ.ยะลา มีความสูงถึง 10.15 เมตร เลยทีเดียว

สีแดงช่วยชีวิต

เครื่องหมายกากบาทที่ทั่วโลกรู้จักในนาม "กาชาด" ก็ยังเลือกใช้สีแดงสดเป็นสัญลักษณ์ เหตุนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่กำเนิดกาชาดโลก โดยผู้ให้กำเนิดก็คือ อังรี ดูนังต์ ชาวสวิส นั่นเอง เครื่องหมายแห่งมนุษยธรรมนี้ บ่งชี้ถึงองค์กรที่คอยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้คนเมื่อเกิดภัยสงคราม ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา มี 181 ประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิก และทุกๆ 4 ปี ประเทศสมาชิกสภากาชาดระหว่างประเทศจากทั่วโลกจะมาประชุมกันครั้งหนึ่ง เพื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายต่อไป

พรมแดง ... วิถีของคนสำคัญ

ทุกงานใหญ่ย่อมมี "พรมแดง" เพื่อให้บุคคลระดับวีไอพีได้เหยียบย่างผ่านเข้าไป พรมแดงจึงเปรียบได้กับการต้อนรับอย่างเป็นทางการและให้เกียรติอย่างสูงกับแขกคนสำคัญ

ความหมายของคำว่า พรมแดง ในยุคใหม่มาจากอเมริกา เมื่อการรถไฟนิวยอร์กปูพรมแดงให้ผู้โดยสารเดินขึ้นสู่ขบวนรถ เพื่อแสดงถึงความสำคัญ จากนั้นพรมแดงจึงนำไปใช้สำหรับงานและสถานที่สำคัญอื่นๆ

ปัจจุบันเมื่อพูดถึงพรมแดง คนมักจะนึกถึงงานใหญ่ในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นงานมอบรางวัลทางภาพยนตร์หรือดนตรี โดยเฉพาะงานออสการ์ เมื่อเหล่าดาราทั่วฟากฟ้าฮอลลีวูดเข้าสู่งานประกาศรางวัลทางภาพยนตร์นี้บนพรมแดง ระหว่างนั้นจะมีสื่อมวลชน รวมทั้งผู้ชมร่วมชื่นชมแห่แหน ทั้งเฝ้าดูว่าเขาหรือเธอเหล่านั้นปรากฏตัวบนพรมแดงในเครื่องแต่งกายชุดใดหรือมากับใคร

วันนี้มีมูลนิธิชื่อ เรด คาร์เพ็ต ฟาวเดชัน เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร ซึ่งเปิดโอกาสให้คนสามัญที่ทรมานกับโรคภัยต่างๆ ได้มีโอกาสเดินบนพรมแดงผืนเดียวกับที่คนดังของพวกเขาได้เดินในงานต่างๆ เช่น ออสการ์

สื่อหัวแดง

ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของสื่อหัวแดง นามว่า โพสต์ทูเดย์ หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจแถวหน้า ที่เพิ่งครบรอบ 5 ปี พอดิบพอดีมาหมาดๆ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ และขอสัญญาว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อไป สัญญาจ๊ะ สัญญา...!!!







ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.posttoday.com/