หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์
จากจังหวัด จันทบุรี

The SNR Symphonic Band
โพสต์เมื่อวันที่ : 21 ต.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6900 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
-ไม่มีผลโหวต-
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

บางแง่มุมขอ 


เรื่องราวของสิงคโปร์ในอีกแง่มุมที่ท่านอาจไม่เคยรู้มาก่อน


บางแง่มุมของสิงคโปร์
The SNR Symphonic Band's Incredible Trip to Singapore with a wonderful memories.


เรื่องราวของสิงคโปร์ในอีกแง่มุมที่ท่านอาจไม่เคยรู้มาก่อน

 
 

 สิงโตทะเล (Merlion) ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964 – รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์

แต่เดิมรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่สวนสิงโตทะเล (Merlion Park) ข้างๆสะพานเอสพลาเนด(Esplanade Bridge) แม่สิงโตและลูกสิงโตได้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว มีการจัดพิธีติดตั้งสิงโตทะเลในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1972 โดยมีประธานในพิธีคือนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ณ เวลาดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายลีกวนยู

 

 สิงโตตัวนี้สูง 8.6 เมตร มีน้ำหนัก 70 ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ชื่อนายลิมนังเซ็ง ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูงสองเมตรและหนักสามตัน ก็ถูกสร้างขึ้นโดยนายลิมเช่นกัน ตัวสิงโตทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ ผิวหนังทำจากแผ่นกระเบื้อง และตาทำจากถ้วยชาสีแดงขนาดเล็ก
   ปัจจุบัน รูปปั้นสิงโตทะเลได้บ้านใหม่ซึ่งอยู่ห่างไปจากที่เดิมเป็นระยะทาง 120 เมตร ติดกับ One Fullerton

 

ซึ่งสิงคโปร์ถูกค้นพบมาแล้วก่อนที่เจ้าชาย
นิลาจะตั้งชื่อเกาะนี้ว่า "สิงกะปุระ"
(หมายความว่า "สิงโต" (สิงห์) และ "เมือง" (ปุระ) ในภาษาสันสฤต)
นอกจากนี้ยังหมายถึงจุดเริ่มต้นอันต่ำต้อยของสิงคโปร์ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมง
ผู้ออกแบบคือนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr Fraser Brunner) เป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ หัวรูปปั้นเป็นสิงโตหมายถึงสิงโตที่เจ้าชายซางนิลาอุตามะเคยเห็นตอนที่พระองค์พบเกาะสิงกะปุระในปี ค.ศ. ที่ 11 ตามบันทึกของชาวมาเลย์ (Malay Annals) ส่วนหางที่เป็นปลาคือสัญลักษณ์ของเมืองโบราณเทมาเซ็ค (หมายความว่า "ทะเล" ในภาษาญี่ปุ่น)  
 
               
 ซันเทคซิตี้แห่งสิงคโปร์
     ซันเทคซิตี้ เป็นการลงทุนร่วมกันของอภิมหาเศรษฐีรายใหญ่ ๆ ชาวฮ่องกงที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลสิงคโปร์ โครงการนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2540 เป็นโครงการที่มีมูลค่าการก่อสร้างสูงสุดในสิงคโปร์ (47,000 ล้านบาท) ในปัจจุบัน แต่ละวันมีรถเข้าออก 10,000 คัน มีคนมาเยือน 2 ล้านคนต่อเดือน มีคนทำงาน 15,000 คนใน 700 บริษัทที่ตั้งอยู่ในโครงการนี้

     โครงการนี้ประกอบด้วย ศูนย์การค้า (1 แสนตารางเมตร) ศูนย์ประชุม-แสดงสินค้า (1 แสนตารางเมตร จุคนนั่งได้ 12,000 คน) และพื้นที่สำนักงาน (ซึ่งมี 5 แท่งคล้ายนิ้วมือซ้าย 5 นิ้ว รวม 2.4 แสนตารางเมตร) ปัจจุบันเป็นบริษัทมหาชนไปแล้วและประสบความสำเร็จด้วยดี
 


 
                                                       "ซันเทคซิตี้" ตึก 5 หลัง ที่ออกแบบตามหลัก "ฮวงจุ้ย" ประหนึ่งอุ้งมือ มีห้านิ้วเรียงราย มี "น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง" หรือ Fountain of Wealth น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ตรงกลางอุ้งมือพอดี และแปลกน้ำพุที่ซันเทคซิตี้ แทนที่จะพุ่งขึ้นเหมือนกับน้ำพุที่อื่นๆ แต่กลับไหลลง ในความเชื่อที่ว่าเหมือนเงินทองไหลมาเทมาอยู่ในอุ้งมือนั่นเอง ชาวจีนเชื่อว่าถ้าได้เดินรอบลานน้ำพุ และได้สัมผัสน้ำ จะพบโชคดีและร่ำรวยตลอดปี โดยมีประกาศนียบัตรการันตีว่ามาถึงจริงและได้สัมผัสน้ำพุแห่งความมั่งคั่งจริงๆ
 

ประเทศสิงคโปร์มีความเชื่อว่าความสำเร็จหรือล้มเหลวในธุรกิจขึ้นอยู่กับฮวงจุ้ย มีการวางผังเมืองแบ่งเขตการทำธุรกิจไว้ตามความสมดุลตามฮวงจุ้ย ซึ่งจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำนั้นทำให้สิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ

ตึกซันเท็ค ซิตี้ มีน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง แผ่กระจายความมีโชคให้อาคารโดยรอบ ที่มีทุนสร้าง 15,000 ล้านบาท ตึกของ 2 โรงแรมดัง แกรนด์ ไฮแอท และคอนราด

ห้างสรรพสินค้าที่ขายดีที่สุด ตึกที่ใช้จ่ายค่าทำฮวงจุ้ยที่แพงที่สุดในโลกล้วนอยู่ในบริเวณนี้ทั้งสิ้น

 

น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง แห่งสิงคปุระนคร ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกซันเทค สูง ๑๓.๘ เมตร มีความยาวทั้งสิ้น ๑,๖๘๓ เมตร ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือกินเนสว่า เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

น้ำพุเป็นสัญญลักษณ์แสดงถึงน้ำ อันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่ารูปใดนามใด สัญญลักษณ์รูปวงแหวน แสดงถึงความเชื่อมโยงกันแห่งความมั่งคั่ง  รอบน้ำพุล้วนแวดล้อมไปด้วยหมู่ตึกทั้ง ๕ นามว่าซันเทค เป็นอาคารห้างสรรพสินค้า, ภัตตาคาร, ห้องประชุม และห้องแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่

"ซันเทค"
มาจากคำในภาษาจีน แปลว่าความสำเร็จชิ้นใหม่ หมู่ตึกซันเทค สร้างขึ้นโดยนักธุรกิจชาวจีนฮ่องกง ในปี ๒๕๒๗ ซึ่งนับเป็นโครงการพาณิชย์ ขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง หมายจะให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งอุษาคเนย์

ตามหลักฮวงจุ้ย วงแหวนน้ำพุเปรียบเสมือนกลางใจมือ ขณะที่หมู่ตึกทั้ง๕ เปรียบประดุจนิ้วมือ อาคารแสดงนิทรรศการเปรียบประดุจข้อมือ ทั้งหมดประกอบกันเป็นรูปมือซ้าย ซึ่งตามความเชื่อจีนโบราณ ถือว่าเป็นมือรับทรัพย์ ทุกคืนที่วงแหวนน้ำแห่งความมั่งคั่งนี้ จะมีการแสดงปรากฏการณ์ม่านน้ำ โดยการยิงแสงเลเซ่อร์ประกอบดนตรี นับเป็นมหรสพอันน่าอภิรมณ์ เพรียบพร้อมไปด้วยแสง,สี,เสียง สัมผัสแห่งสายน้ำกระเซ็น และกลิ่นของน้ำ

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สิงคโปร์จากอดีตสู่ปัจจุบัน   ข้อมูลของประเทศ  แหล่งท่องเที่ยวเกาะเซนโตซ่า  เมืองแห่งกฎระเบียบ

ไม่สงวนสิทธิ์ในการนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษาแต่ขอความกรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาตามสมควรจะขอบคุณยิ่ง



 

 

BKK - SINGAPORE ตอนที่ 6 :: Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความโชคดี

จากตอนที่แล้วสิ้นสุดตรงที่เรากำลังหาทางเดินไป Suntec City เพื่อจะไปที่นัดหมายกับพี่เล็ก (เจ้าของบ้านที่เราไปพัก) เนื่องจากพี่เค้าทำงาน พี่เค้าจะมีเวลาพาพวกเราเที่ยวก็ตอนหลังเลิกงานไปแล้ว

เมื่อเดินออกจากรถไฟฟ้าสถานี City Hall เราก็เดินมาเรื่อยๆ ข้ามสะพานลอยมาก็เจอห้าง Suntec City Mall คนเดินกันเยอะเชียวล่ะ ห้างนี้เค้าตกแต่ง Display เก๋ๆ อยู่หลายจุดเชียวล่ะ







เช่น เอาทีวีมาใส่ไว้ในตู้ปลา แอบเก๋นะเนี่ย ภายในตัวตึกก็มีการตกแต่งอย่างสวยงามเช่นกัน ตามคัมภีร์เค้าเล่าว่า Suntec City ถูกสร้างเมือ ค.ศ. 1990 ประกอบด้วยห้าตึกหันหน้าเข้าหากันลักษณะเหมือนนิ้วมือ ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์แล้ว ยังถือเป็นสุดยอดฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในโลกเชียวล่ะ





คำว่า "Suntec" ตามอักษรจีนมีความหมายว่า ความสำเร็จครั้งใหม่ ซึ่งตัวตึกออกแบบสร้างตามหลักฮวงจุ้ยของจีน เชื่อกันว่าทำให้เกิดความมั่งมีศรีสุขกับผู้ที่ได้มาเยือน

จริงๆ แล้วที่มาตึกแห่งนี้นอกจากจะมารอพี่เล็กแล้ว ก็ยังจะมาชม Fountain of Wealth หรือที่เรียกว่า "น้ำพุแห่งความโชคดี" ด้วยนั่นเอง แต่กว่าจะหาน้ำพุเจอก็เดินกันเหนื่อยเชียวล่ะ แล้วยิ่งอ่านในคัมภีร์บอกว่าน้ำพุจะปิดตอน 18.00 น. อ้าวเลยมาสิบนาทีแล้ว ยิ่งรีบหาให้เจอเข้าไปใหญ่

น้ำพุแห่งนี้ใช้งบประมาณการสร้างถึง US$ 6 ล้านเหรียญ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1997 ถือเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปี ค.ศ. 1998 ตั้งอยู่กลาง Suntec Tower ทั้งห้าตึก คนที่มาที่นี่ก็ตั้งใจมาดูความอลัการของน้ำพุแห่งนี้







พอมาถึงน้ำพุ อ้าวทำไมปิดประตูหมดเลยล่ะ เดินวนรอบเลยที่นี่ จะเข้าไปไงล่ะเนี่ย แล้วก็เห็นม่านอ้อ เข้าให้เข้าทางนี้ ก็เลยได้ไปแชะรูปมาหน่อยด้วยความที่กลัวกล้องเปียก เพราะน้ำพุเป็นละอองสาดเต็มไปหมด แต่เอ๊ะแล้วจะเข้าไปตรงกลางได้ไงล่ะ ในเมื่อน้ำพุยังเปิดอยู่เลย ก็เลยถามคนแถวนั้น ได้ความว่า น้ำพุจะปิดเป็นเวลา โดยมีรอบดังนี้ 09.00-12.00, 14.30-18.00,19.00-19.45, 21.30-22.00 ดูเวลาแล้วยังไม่ 19.00 เลย

ก็เลยไปนั่งรอใน Food แถวน้ำพุนั่นล่ะ จำได้ว่าซื้อขนมปังมาก็เลยกินมันที่นี่ล่ะ แต่ที่แปลกใจคือขนมที่เค้าแถมมาพอกัดแล้วก็เจอกระดาษเล็กๆ เป็นโปรโมชั่นเอากระดาษนี้ไปเป็นส่วนลด เก๋เชียว



นั่งกันอยู่ประมาณเกือบยี่สิบนาที พี่เล็กก็มาพร้อมเพื่อนคนไทยด้วยกันชื่อพี่นี ก็ได้เวลาที่น้ำพุปิดพอดี ก็เลยได้เข้าไปถ่ายรูปตามตั้งใจไว้ และก็ต่อแถวเพื่อที่จะได้เข้าไปเดินวนรอบสัมผัสน้ำพุ ตามความเชื่อที่ว่าจะสามารถเพิ่มความมั่งมีศรีสุขให้กับชีวิตได้ ว่ากันว่าที่นี่มักจะมีผู้ใหญ่คนสำคัญมาเยือนเป็นประจำ ลืมบอกไปว่าวิธีอธิษฐานขอพรเค้าให้เดินวนขวาสามรอบ ตั้งจิตอธิษฐาน บอกตรงๆ ว่ารู้สึกดีมากๆ ใครได้มีโอกาสอย่าลืมกันล่ะ







คิดดูแล้วกันว่าความเชื่อของที่นี่มีมากแค่ไหน มีร้านขายของที่ระลึกนำน้ำพุโชคลาภมาใส่หลอดแก้วแล้วขายเป็นที่ระลึกราคา S$5 เหรียญล่ะ

หลังจากที่ได้ชื่นชมน้ำพุมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ตามแผนวันนี้เราจะไปต่อกันที่ Bugis Street ก็เลยเดินออกจาก Suntec City เดินข้ามสะพานลอยด้านหน้า รถติดเอาเรื่องเหมือนกันย่านนี้





ก็เดินตรงกันมาเรื่อยๆ ก็ผ่าน National Library เป็นห้องสมุดที่อลังการมากๆ



จากจุดที่มองเห็นห้องสมุดนี้ข้ามถนนเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงด้วย กระต่ายที่นี่หน้าตาขี้เหร่ชะมัด (เทียบกับลูกๆ ของเรา)



ไม่นานนักก็ถึง Bugis Street ในนี้ก็เหมือนห้างทั่วไปนั่นและ ที่นี่พวกเราก็แวะทานอาหารกัน ร้านก็ออกแนวเหมือนโออิชิราเม็งบ้านเรานั่นล่ะ แต่ชามใหญ่มาก



จากจุดนี้เราจะมองเห็นเครื่องเล่นบอลลูนด้วยล่ะ ลักษณะก็คือให้คนขึ้นไปบนบอลลูนแล้วก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นวิวของสิงคโปร์ล่ะ แต่ราคาแพงเอาการทีเดียว



หลังจากอิ่มแล้วเราก็เดินต่อไปยังฝั่งตรงข้ามเป็น Bugis Street เหมือนกัน แต่ออกแนวเหมือนประตูน้ำบ้านเรานั่นล่ะ



คนเยอะมาก ว่ากันว่าคนชอบมาเดินที่นี่เพราะสามารถซื้อของราคาถูกได้ ซึ่งในนี้มีร้านค้าเกือบ 600 ร้านค้าเชียวล่ะ





เดินๆ ไปก็เจอร้าน Sex Shop ด้วยล่ะ จัด Display แบบโจ๋ครึ้มกันไปเลย แถมติดป้ายรับสมัครงานอีกต่างหาก เอาเป็นว่าดูอยู่ไกลๆ ดีกว่านะ ไม่อยากลงรูปใกล้ๆ เดี๋ยวโดยเซ็นเซอร์



เดินไปก็ดูของไป ไม่เห็นจะถูกเลยกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวตั้ง 22.90 เหรียญสิงคโปร์แนะ บ้านเราตัว 199 เอง





เดินได้สักพักก็ออกดีกว่า เพราะแฟชั่นที่นี่ตามหลังบ้านเรานานทีเดียว แบบว่าเป็นของที่บ้านเรา out ไปแล้วง่ะ ไปดูตลาดผลไม้กันดีกว่า คนที่นี่ชอบกินทุเรียนแน่ๆ เพราะมีร้านขายเยอะมาก ทุเรียนที่นี่เอามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งขนาดและกลิ่นก็ต่างกับบ้านเรา







ขอบอกว่าส้มที่นี่รสชาติยังกับส้มผสมมะนาวล่ะ ไม่มีความหวานเลยง่ะ ออกเปรี้ยวๆ เสียด้วยซ้ำ แถมเปลือกก็หนายังกะส้มโอแนะ สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ผลไม้ที่นี่ล้วนแต่เป็นเกรดเอทั้งนั้น สดจริงๆ

สุดท้ายก็จบโปรแกรมวันที่หนึ่ง (เล่าได้มาตั้ง 5 ตอน) ก็มีแนะนำร้านของฝากที่เจ้าบ้าน (พี่เล็ก) แนะนำว่าอร่อย ไปลองชิมแล้วก็เห็นด้วย เป็นหมูอบแผ่นกลมๆ เหมือนหมูหวานรมควันนะ รสชาติดีทีเดียวล่ะ ชื่อร้าน "BEE CHENG HIANG"


Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง The SNR Symphonic Band
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์..