ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์ จากจังหวัด จันทบุรี |
|
"คิม ฟุค"หนูน้อยเหยื่อของสงคราม...บทเรียนที่เจ็บปวด...สงคราม..กับการให้อภัย |
โพสต์เมื่อวันที่ : 21 ต.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7047 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (25.00%-4 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....สงคราม..กับการให้อภัย
ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งซึ่งอ่านดูแล้วก็อดนำมาต่อยอดไม่ได้เป็นเรื่องราวของหนูน้อย คิม ฟุค ที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นสาวน้อยอีกต่อไป ภาพเรื่องราวของเธอถูกตีแผ่ไปทั่วโลกด้วยฝีมือของช่างภาพชื่อNick Ut ภาพที่ว่าโด่งดังจนได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ภาพที่ว่าคือภาพด้านล่างนี้
เวลาบ่าย ๒ โมง วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๕ ระเบิดไฟนาปาล์ม ๔ ลูก ถูกทิ้งลงที่บ้านเธอ ขณะนั้น คิม ฟุค มีอายุ ๙ ขวบ ระเบิดเพลิงตกใส่เธอ เธอถอดเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกออกแต่ไฟยังคงไหม้บนตัวเธอ ผู้คนช่วย ราดน้ำบนตัวเธอ เพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่บนตัวเธอ จนเธอหมดสติไปHuynh Cong (Nick) Ut ช่างภาพ ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล คอยให้กำลังใจ และจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ ด้วยรางวัลดังกล่าวช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอและ Nick Ut แต่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลไฟไหม้กว่าครึ่งตัว หมอศัลยกรรมพลาสติค Dr. Mark Gorney จาก San Francisco อาสาสมัครประจำอยู่ โรงพยาบาลศัลยกรรมเด็ก Barksy ในกรุงไซ่ง่อนกล่าวว่า 'เธอไม่น่าจะอยู่รอดได้ ตอนแรกคางของเธอเชื่อมติดกับหน้าอกโดยเนื้อเยื่อจากแผลเป็นแขนซ้ายของเธอไหม้จนถึงกระดูก' ด้วยความรักของแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้างเตียง เธอค่อย ๆ ฟื้นตัวและตัดสินใจว่าโตขึ้นเธอจะเป็นหมอเหมือนผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ หลังจากรักษาตัวอยู่ ๒ ปีเธอจึงได้กลับบ้านและเวียตนามใต้ก็ถูกปกครองโดยคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ชื่อของกรุงไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนเป็นโฮจิมินห์
๒๑ ปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๙ คิม ฟุค ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เธอได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่?ำใจได้ง่ายแต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้างคิม ฟุค เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้วเธอก็ได้เผยความในใจว่ามีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ พูดมาถึงตรงนี้ ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ ในห้องประชุมนี้ เธอจึงเผยความในใจ ออกมาว่า 'ฉันอยากบอกเขาว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เราควรพยายามทำสิ่งดี ๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ทั้งใ นปัจุบัน และอนาคต' เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาพูด ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ว่า 'ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ' คิม เข้าไป โอบกอดเขา แล้วตอบว่า 'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย' ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตาย คิมฟุคเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเอง ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร แต่แล้ว เธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หากได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง
' ฉันพบว่า การบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้ สามารถฆ่าฉันได้ '
ผมอ่านจบก็พาลนึกถึงเรื่องที่ทำงานของผู้ร่วมท่านหนึ่งที่ร่วมงานด้วยซึ่งเพื่อนร่วมงานหลายๆท่านลงความเห็นว่านิสัยเสียอย่างร้ายกาจ จนผมต้องโคจรมาพบด้วยและก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เพื่อนๆร่วมงานหลายๆท่านบอกเอาไว้นั้นเป็นความจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความโกรธสุมแค้นฝังลึกของผมเริ่มกัดกร่อนใจผมเองจนอยากระเบิดออกมาเดี๋ยวนั้น แต่สำนึกแห่งการให้อภัยของผมกลับคืนมาหลังจากอ่านอีเมลฉบับบนี้และอฐิษฐานขอพระเจ้ายกโทษให้แก่ความโกรธของผมที่มีต่อเธอเหมือนกับที่พระองค์ยกโทษต่อความผิดบาปที่ผมกระทำเอาไว้
ขอบพระคุณสำหรับอีเมลซึ่งหาที่มาไม่ได้ฉบันี้ครับ
|
อ่านเรื่องอื่นๆหรือแวะทักทายที่
http://อาจารย์เข่.kroobannok.com
Advertisement
|