ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์ จากจังหวัด จันทบุรี |
|
Thunderbirds วิหคสายฟ้า โชว์บินผาดแผลง 10 ต.ค.นี้ ที่ดอนเมือง |
โพสต์เมื่อวันที่ : 10 ต.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7050 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (40.00%-4 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....Thunderbirds วิหคสายฟ้า โชว์บินผาดแผลง 10 ต.ค.นี้ ที่ดอนเมือง
nathavut - 9 ตุลาคม 2009
หมู่บินผาดแผลง "Thunderbirds" หรือ "วิหคสายฟ้า" ซึ่งเป็นฝูงบินสาธิต ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อเตรียมความพร้อมทำการแสดงการบินผาดแผลง โดยจะมีการซ้อมใหญ่ในวันที่ 9 ต.ค.และแสดงจริงในวันที่ 10 ต.ค. นี้ ณ บริเวณอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง
Thunderbirds ชื่อนี้มาจากตำนานของพวกอินเดียแดงในสหรัฐอเมริกาที่ใช้เรียกชื่อนกนักล่า ที่มีลักษณะคล้ายกับนกอินทรีสีน้ำตาล โดยมีสิ่งพิเศษนอกจากจะเป็นนกอินทรีขนาดยักษ์แล้วยังมีฤทธิ์ที่เป็นสายฟ้าสะท้อนมาจากจงอยปากอันคมกริบเมื่อไรที่มันกระพือปีกเพื่อที่จะบินก็จะทำให้เกิดสายฟ้าซึ่งมีพลังมหาศาลสามารถทำลายทุกสิ่งรอบตัวลงไปได้ทันที ลักษณะทั่วไปคล้ายนกอินทรีสีน้ำตาล จงอยปากและกรงเล็บแหลมคมมาก ปลายปีกออกสีเลื่อมทองอาศัยอยู่บนยอดเทือกเขาสูงหรือในบริเวณที่เป็นหน้าผา บางครั้งรูปร่างก็คล้ายเหยี่ยวสีน้ำตาลซึ่งเป็นนกนักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่านกทั่วไปมาก
ประวัติความเป็นมาของฝูงบิน Thunderbirds ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2496 ณ ฐานทัพอากาศ Luke มลรัฐ Arizona สหรัฐอเมริกา โดยมีเครื่องบินแบบ F - 84G Thunderjet ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ร่วมปฏิบัติการในสงครามเกาหลีเข้าประจำการในฝูงบินเป็นแบบแรก หลังจากนั้นในปี 2498 ได้เปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบ F - 84F Thunderstreak
ในช่วง 3 ปีแรกของฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ F - 84 ต่อสายตาผู้ชมกว่า9ล้านคน ในการแสดงการบิน 222 ครั้ง รวมทั้งประเทศในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในเดือนมิถุนายน 2499 ฝูงบิน Thunderbirds ได้ย้ายที่ตั้งไปอยู่ ณ ฐานทัพอากาศ Nellis มลรัฐ Nevada และได้ทำการเปลี่ยนแบบจากเครื่องบินแบบ F - 84 เป็นเครื่องบินแบบ F - 100 Super Sabre ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ความเร็วเหนือเสียงแบบแรกของโลกและได้ทำหน้าที่ในฝูงบินอยู่ถึง 13 ปี ทั้งแบบ F - 100 C และ D ได้ทำการแสดงการบินผาดแผลงรวมกันกว่า 1,100 ครั้ง ในประเทศตั้งแต่ตะวันออกไกลถึงอาฟริกาเหนือ
แม้ว่าจะได้มีการเปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบ F - 105B Thunderchief ในช่วงสั้น ๆ แต่หลังจากเครื่องบินแบบ F - 105B ทำการแสดงได้เพียง 6 ครั้งในปี 2507 ฝูงบิน Thunderbirds ได้เปลี่ยนกลับมาใช้เครื่องบินแบบ F - 100D ซึ่งสามารถเติมเชื้อเพลิงในอากาศได้ เป็นผลให้ทำการบินได้ ระยะทางไกลกว่าแต่ใช้เวลาน้อยกว่า
ในช่วงปี 2512 - 2516 ฝูงบิน Thunderbirdsได้ใช้เครื่องบินขับไล่ชั้นแนวหน้ารุ่นอมตะในสงครามทางอากาศ เหนือน่านฟ้าเวียดนามของกองทัพอากาศสหรัฐฯ คือเครื่องบินแบบ F - 4E Phantom II และทำการแสดงกว่า 500 ครั้ง ใน 5ฤดูกาล ใน 30 รัฐของสหรัฐฯ และประเทศแคนนาดา กลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกาและบางประเทศในทวีปยุโรป ฝูงบิน Thunderbirds ได้เปลี่ยนแบบเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง ในปี 2517 เป็นเครื่องบินแบบ T - 38 Talonซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกความเร็วเหนือเสียงแบบแรกของโลกที่ประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาที่น้อยกว่าเครื่องบินแบบ F-4 ที่กินน้ำมันและมีความสิ้นเปลืองสูงกว่ามาก เครื่องบินแบบ Talon ได้แสดงการบินประมาณ 600 ครั้ง ใน 8 ฤดูกาล
ในต้นปี 2526 ฝูงบิน Thunderbirds ได้หันกลับมาใช้เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงอีกครั้งโดยได้บรรจุ เครื่องบินแบบ F - 16A Fighting Falcon เข้าประจำการ และในปี 2530 Thunderbirds ได้เป็นฝูงบินผาดแผลงฝูงแรกที่ได้แสดงการบินบนแผ่นดินประเทศคอมมิวนิสต์ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2534 Thunderbirds ได้กลับไปแสดงการบินในทวีปยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งได้ทำการแสดงการบินผาดแผลง 11 เที่ยวบิน ใน 8 ประเทศ รวมทั้งได้ไปเยือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์ และฮังการี เป็นครั้งแรก
ฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการเปลี่ยนแบบอีกครั้งจากเครื่องบินแบบ F - 16A เป็น F-16 C ในปี 2535 เนื่องจากฝูงบินส่วนใหญ่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินแบบเดียวกันทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการส่งกำลังบำรุงและในฤดูกาลนั้นฝูงบิน Thunderbirds ได้นำเครื่องบินแบบ F-16C ไปแสดงการบินเป็นระยะเวลา 17 วัน ในประเทศแถบลาตินอเมริกา รวมทั้งสิ้น 75 เที่ยวบินต่อสายตาผู้ชมประมาณ 6.6 ล้านคน
ในปี 2535 ช่วงปี 2536 ซึ่งเป็นการแสดงครั้งที่ 800 ของเครื่องบินแบบ F - 16 ฝูงบิน Thunderbirds มีผู้ชมถึงกว่า 8 ล้านคน ในปี 2537 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบปีที่ 50 ของฝูงบิน Thunderbirds ได้ทำการแสดงการบิน 67 ครั้ง ต่อหน้าผู้ชม 6 ล้านคน ในช่วงเดือนสิงหาคม 2537 ได้ออกเดินทางทำการแสดงในประเทศตะวันออกไกลเป็นเวลา 26 วัน โดยใช้ชื่อว่า "Thunder Over the Pacific" ซึ่งได้ทำการแสดงให้ผู้ชม 1.3 ล้านคน ในมลรัฐ Alaska และในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาะกวม มลรัฐ Hawaii และประเทศไทย เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางอากาศของกองทัพอากาศสหรัฐ ฯ
สำหรับ ในปีนี้ Thunderbirds เลือกใช้เครื่องบินรบแบบ F-16 C/D Block 52 แบบใหม่โดยจะเปิดการแสดง 75 แห่ง สำหรับนอกประเทศสหรัฐฯ ปีนี้มีเพียงเปอโตรีโก้ ออสเตรเลีย กวม มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ได้รับเกียรติเปิดการแสดงในครั้งนี้ มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการแสดงการบินผาดแผลงสุดยอดของโลกจาก กองทัพอากาศสหรัฐฯของฝูงบินผาดแผลงวิหกสายฟ้า Thunderbirds โดยใช้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16C ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามที่เครื่องบินฝูงนี้จะมาแสดงในประเทศไทย(เดิมการแสดงการบินผาดแผลงครั้งที่สามได้ถูกยกเลิกไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน)
ในครั้งแรก F-16 ได้มาทำการแสดงในราวๆ ปี 2530ช่วงที่กองทัพอากาศไทยจะซื้อ F-16 A/B ในครั้งนั้น สหรัฐฯ ยังใช้ F-16 A/B ในฝูงบิน Thunderbirds มาถึงการแสดงการบิยผาดแผลงในครั้งที่สองคนไทยต้องตื่นตาตื่นใจอีกครั้งกับ การแสดงการบินอันยิ่งใหญ่ของวิหกสายฟ้า เมื่อราวๆ ปี 2537 ครั้งนั้น Thunderbirds เปลี่ยนมาใช้เครื่องบินแบบ F-16 C Block 30/32 ที่ทันสมัยกว่ารุ่นเก่า
และในครั้งนี้ (10 ตุลาคม 2552) อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกในการแสดงนอกประเทศของธันเดอร์เบิร์ด ที่จะใช้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 CBlock 50/52 ที่ก้าวล้ำไปอีก (ชั้นเดียวกับที่เคยเสนอขาย ทอ.ไทย)และครั้งนี้จะเป็นการตื่นตาตื่นใจกับเที่ยวบินผาดแผลงที่สุดสวยและ สุดยอด(แอบทราบมาว่า จะมี คนไทย และนายทหารจากกองทัพอากาศไทย ได้รับเกียรติขึ้นไปบินด้วย) สำหรับการกำหนดวันแสดงอย่างไม่เป็นทางการนั้นฝูงบิน Thunderbirds จะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ในวันที่ 5 ตุลาคม 2552 โดยในช่วงดังกล่าวจะมีการบินซ้อมโชว์เหนือฟ้าดอนเมืองเป็นระยะ
F-16 เป็นเครื่องบินรบแบบพหุบทบาท (Multi Role)ซึ่งสามารถทำภารกิจการโจมตีทั้งบนพื้น บนทะเลและบนอากาศได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ F-16 สามารถปฏิบัติการได้ทุกสภาวะอากาศไม่ว่าจะฝนตก แดดออก ลมแรง ก็สามารถทำการขึ้นบินได้หมด โดยถูกผลิตมามากกว่า 4000 ลำเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของกองทัพอากาศกว่า 20 ประเทศทั่วโลกโดยได้แสดงให้เห็นถึงสมรรถณะมาแล้วทั้งในสงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามโคโซโว สงครามอัฟกานิสถาน สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่สองรวมทั้งในสงครามทางอากาศระหว่างปากีสถานและ โซเวียต/อัฟกานิสถานและการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียของอิรักโดยอิสราเอล ทั้งนี้ไม่เคยมี F-16 เครื่องใดถูกเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามยิงตกเลยแม้แต่เครื่องเดียว F-16 มีการพัฒนามาหลากหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะเรียกชื่อว่า Block XXโดยมีทั้งหมด 11 Block คือ Block 1, 5, 10, 15, 15OCU, 20 25 30/32, 40/42,50/52, และ Block 60
สำหรับหมายกำหนดการแสดงจะเป็นวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 13.00น. ณ ลานแสดงการบินดอนเมือง (ลานจอดอากาศยานคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองถนนวิภาวดีรังสิต)
ส่วนกองทัพไทยใช้เครื่อง Block 15OCU และ ADFซึ่งเป็น Block 15OCU ที่ปรับปรุงแล้ว สหรัฐอเมริกานั้นเสนอ F-16C/D Block 50/52+ ซึ่งติดถึงน้ำมันข้างลำตัวหรือถัง CFT (Comformal FuelTank) เพื่อเพิ่มพิสัยบินให้ไกลขึ้น โดยสามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้ 2,271ลิตร และเพิ่มพิสัยบินให้ไกลขึ้น 20 - 40% ติดระบบสร้างออกซิเจนบนเครื่อง(On-board Oxygen Generator) พร้อมเรดาห์ AGP-68(V)9 รุ่นล่าสุดซึ่งเพิ่มระยะการตรวจจับมากขึ้นจากเดิมถึง 30%
ขอขอบคุณข้อมูล
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเว็บไซต์ www.kapook.com
กนกศักดิ์ รายงาน
Advertisement
|