หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
ณัฐชญา หอมกลิ่น
จากจังหวัด ยโสธร

เทคนิค"กินต้านแก่" ...ลดรสจัด....เคี้ยวละเอียด
โพสต์เมื่อวันที่ : 5 ต.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7047 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(26.67%-3 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

 

 

 

พ.ญ.อัจจิมา สุวรรณจิดา ผู้อำนวยการสถาบัน Medisci แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและอายุรวัฒน์ แนะนำการรับประทานอาหารให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีสุขภาพดี แข็งแรง อายุยืน ตามหลักกินอาหารต้านแก่ ว่า

    1.ต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้กิน 3 มื้อหลัก และอีก 2 มื้อเป็นอาหารกินเล่น

    2.รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่

    3.พยายามกินอาหารที่เป็นวัตถุดิบให้มากที่สุด และอย่าปรุง แต่ง รส อาหารให้มาก ไม่ว่าจะหวานจัด เค็มจัด เพราะอาหารรสจัดทำลายระบบการย่อยและการดูดซึมของร่างกาย เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายเกิดภาวะไส้รั่วนั้นคือ ภาวะที่ผนัง เยื่อบุลำไส้มีความผิดปกติ ทำให้มีร่องเกิดขึ้นตามผิวเยื่อบุ เมื่อรับประทานอาหารลงไปแทนที่จะถูกย่อยและดูดซึมเข้าไปในร่างกาย แต่ร่างกายจะอ่านค่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดการแพ้ ระบบต่างๆ ที่อ่อนแอ ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเพ้อ หรือกรดไหลย้อนกลับ ซึ่งพบมากในปัจจุบัน

    4.อย่ารับประทานอาหารซ้ำกันบ่อยๆ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน

    5.ให้เวลาในการรับประทานอาหาร อาหารช่วยไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แต่เมื่อถ้ารับประทานอย่างรีบเร่ง ไม่เคี้ยวให้ละเอียด ก็จะทำให้การย่อยและการดูดซึมมีปัญหา ต่อให้เราจัดอาหารในแต่ละมื้อได้ดีแค่ไหน ก็ไปใช้ไม่ได้

    6.ดื่มน้ำให้มาก อย่าดื่มน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

     ผู้อำนวยการสถาบันเมดิสซี บอกอีกว่า หลายคนมักกังวลเรื่องอาหารเสริม เมื่ออายุไม่มากก็ไม่ต้องรับประทาน ถ้าเลือกกินอาหารที่ดี แต่ในคนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นและมีรูปแบบการดำเนินชีวิตทีไม่ดี บวกกับระบบย่อยไม่ดี ควรได้รับอาหารเสริม แต่การเลือกรับประทานวิตามินเสริมหรืออาหารเสริมต้องเลือกจากแหล่งผลิตที่ได้รับมาตรฐาน เชื่อถือได้

    นอกจากนี้ การดีท็อกซ์เป็นหนึ่งในขบวนการชะลอวัย ต่อให้กินดีแค่ไหนถ้าร่างกายทำงานได้ไม่ดี ก็ทำให้ท็อกซินสะสม สุขภาพที่แข็งแรง

     1.ต้องรับสิ่งที่ดีๆ เข้าสู่ร่างกาย
     2.ขับสิ่งที่ไม่ดีออกจากร่างกาย
     3.ทำให้ร่างกายของเราอยู่ในภาวะสมดุล พร้อมขยายความให้ฟังว่า

     ความสมดุลของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งทุกคนต้องสำรวจตัวเองว่าในขณะนี้เราเสียสมดุลหรือไม่ เช่น การรับประทานอาหารบางอย่างแล้วทำให้นอนไม่หลับ หรือกินไปแล้วตื่นขึ้นมาแล้วสมองไม่แจ่มใส่ ไม่ปลอดโปร่ง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่ต้องสำรวจ 

   
ส่วนการดีท็อกซ์ หรือการขับพิษจากร่างกาย เป็นไปได้ควรถ่ายให้ได้ทุกวัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และสิ่งที่ทำได้ง่ายคือ การออกกำลังกายจะทำให้ขับสารพิษออกมาทางเหงื่อ หรือการนอนแช่น้ำอุ่น 30 นาที โดยให้ใส่น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปด้วย ซึ่งในหนแรกร่างกายอาจเป็นผื่นเพราะขับสารพิษบางอย่างออกไป

    ความสุขซึ่งเป็นความสงบในจิตใจ ทำให้เราผ่อนคลายความเครียด ซึ่งมีผลกับการทำงานของสมอง หลายคนนึกไม่ถึงว่ามันเกี่ยวอะไร ความเครียด หรือทุกข์มากกว่าสุข จะไปกดศูนย์การทำงานของสมอง และสิ่งที่เกิดขึ้นคือกระบวนการทำงานของร่างกายจะผิดปกติ เนื่องจากสมองจะส่งคำสั่งไม่ปกติไปยังอวัยวะต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของจิตใจที่มีผลต่อการทำงานต่อร่างกาย แม้กระทั่งโรคบางโรคเกิดจากภาวะจิตใจ เช่น ไอดีเอส หรือลำไส้แปรปวน ความเครียดที่ทำให้นอนไม่หลับ หรือเกิดภาวะซึมเศร้า ทั้งหมดมาจากการทำงานของสมองที่มีผลเนื่องจากการปฏิบัติตัวของเรา ทำให้ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข

     ด้านจิตรา ก่อนันทเกียรติ นักเขียนที่ชำนาญเรื่องจีน วัย 50 อัพ กล่าวว่า อาหารที่คนจีนกินเพื่อต้านความชรานี้ อย่างเช่น ในลัทธิเต๋า คนกลุ่มนี้ที่พยายามแสวงหาการกินอยู่ที่ง่าย เพื่อให้มีอายุยืนยาว ส่วนฮ่องเต้ที่ได้รับการกินอยู่อย่างดี รวมถึงการกินแบบวิถีชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งคน 3 กลุ่มนี้มีผลกับการใช้ชีวิต แต่ปัญหาคือการจดบันทึกเรื่องราว และจากวิจารณญาณของเราในการทำงาน บวกเซนต์รวมถึงสามัญสำนึก เวลาที่อ่านหรือฟังเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้เรารู้ใช่หรือไม่

   
ถัดมาเรื่องของ "หยินหยาง" คือการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เมื่ออากาศเปลี่ยนร่างกายก็เปลี่ยน หากเรานอนไม่พอหรือทำงานมากเกินไปอวัยวะภายในก็จะร้อน ทำให้ร้อนใน จะเริ่มเป็นแผลในปาก เพดาน เจ็บคอ ระยะยาวทำให้เป็นมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ต้องรีบผ่อนร่างกายหรือถ้านอนไม่พอท้องจะผูก ซึ่งคนจีนก็จะดื่มน้ำขม เพื่อผ่อนร้อนในตัวเอง

    หรือในช่วงหน้าร้อนคนจีนมีอาหารที่กินผ่อนร้อนคือต้มถั่วเขียว ส่วนคนไทยมักกินข้าวแช่ น้ำจับเลี้ยง น้ำมะตูม ส่วนในฤดูหนาวมักจะรับประทานต้มเลือดหมูใส่จิงจูไฉ่ ให้กินเป็นความเชื่อว่ามีสรรพคุณว่าช่วยล้างปอด ซึ่งอาหารจีนหลายอย่างพิสูจน์ไม่ได้เพราะเป็นความเชื่อ เหมือนฮวงจุ้ยซึ่งเป็นพลังที่มองไม่เห็น ฉะนั้นต้องใช้ สัญชาติญาณ วิจารณญาณ ซิกเซนส์และคอมมอนเซนส์ และคิดเอาเองว่าอันไหนเหมาะกับตัวเอง

     จิตรา กล่าวต่อว่า
ถ้าเป็นคนที่สัญชาติญาณดี จิตใจดี ร่างกายภายในของเราจะบอกว่าต้องการอะไร เช่น วันนี้อยากกินหมู หรืออยากกินผัก และเราต้องไม่ปล่อยให้ท้องหิว ขณะเดียวกัน การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องรู้จักสภาพร่างกายของเรา และหลายครั้งที่มักได้รับคำแนะนำว่าต้องกินน้ำวันละหลายๆ แก้ว แต่เราต้องไม่ลืมว่าร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งหลักที่ทำมาตลอดคือ ตื่นขึ้นมากินน้ำอุ่น กาแฟอีกแก้วหนึ่งจะทำให้ขับถ่ายเยอะ และในบางครั้งเป็นคนที่กินเพื่ออยู่ หรือในบางครั้งอยู่เพื่อกิน แต่ในการกินนี้ควรกินเพื่อออกหรือกินแล้วระบายออก ดังนั้น อะไรหลายๆ อย่างทำให้เป็นคนที่ระวังกินและตั้งโปรแกรมใจให้ตัดใจง่าย ไม่รับประทานของหมักดอง ของทอด ไม่ทานรสจัด กินเจสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

      "ทุกวันนี้ยอมทุกข์นิดๆ หน่อยๆ เพื่อสุข แต่ให้สุขแล้วกินดีๆ แต่ร่างกายเจ็บป่วยไม่เอา จะบอกว่ากลัวตายก็ไม่ใช่ แต่ไม่อยากเจ็บป่วยทรมาน และเสียดายที่เงินที่เราทำมาหากินต้องไปจ่ายให้หมอ" จิตรากล่าวทิ้งท้าย

 

 

ข้อมูลจากข่าวสด

 

 





Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง เทคนิค"กินต้านแก่" ...ลดรสจัด....เคี้ยวละเอียด
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

ณัฐชญา หอมกลิ่น
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
ณัฐชญา หอมกลิ่น..