รองผวจ.เชียงใหม่ ดญ.ไร้สัญชาติ มีโอกาสได้ไปนอก



รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ระบุ 'ด.ญ.นารวย' เด็กไร้สัญชาติ ที่ได้รางวัลที่ 3 ทายชื่อแพนด้า หลินปิง มีโอกาสบินไปเฉินตู ชี้ ต้องพิจารณาเข้าหลักเกณฑ์ ม.23 พ.ร.บ.สัญชาติใหม่หรือไม่ ...

จากกรณีที่ ด.ญ.นารวย จะเติง อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ เป็นเด็กไร้สัญชาติ ที่โชคดี ได้รางวัลที่ 3 เงินสด 100,000 บาท และ ได้ตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเมืองเฉินตู จากการส่งไปรษณียบัตรทายชื่อ 'หลินปิง' และไม่มีสิทธิ์ได้เดินทางไปเที่ยวเช่นเดียวกับผู้ได้รับรางวัลคนอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ซึ่งเปิดเผยว่า สำหรับ ด.ญ.นารวย ขณะนี้ได้มอบเงินสด จำนวน 100,000 บาท ตามสิทธิ์ให้กับ ด.ญ.นารวยไปแล้ว ส่วนเรื่องของการเดินทางไปทัวร์ที่เฉินตู ที่มีกำหนดจะเดินทางไป 3 คืน 4 วัน ในวันที่ 15 - 18 พ.ย. นั้น ต้องรอดูว่าจะไปได้หรือไม่ เพราะต้องอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นผู้อนุมัติการเดินทางออกนอกพื้นที่ เพราะก่อนที่ ด.ญ.นารวย จะมารับรางวัล ต้องขอออกนอกพื้นที่เป็นกรณีพิเศษเหมือนกัน ดังนั้น หากทางหน่วยงานผู้รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นด้านอำเภอ หรือ จังหวัด ตรวจสอบและบอกว่า ด.ญ.นารวย ไม่สามารถเดินทางไปได้ ทางเรามีมาตรการที่เตรียมไว้คือ จะมอบเงินที่มีมูลค่าเท่ากับตั๋วเดินทางให้กับ ด.ญ.นารวย แทน แล้วก็หาผู้อื่นเดินทางไปแทนที่นั่งของ ด.ญ.นารวย ซึ่งตรงนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถึงแม้น้องนารวย จะไม่ได้ไป แต่ก็ไม่ได้เสียสิทธิ์อะไร เพียงแต่อาจจะเสียโอกาสที่ได้เดินทางไป เพราะสาเหตุบางประการเท่านั้น

นายโสภณ กล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจ แต่ต้องดูความเหมาะสม และการเดินทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกิดความสบายใจกับ ด.ญ.นารวย ที่ได้รับรางวัล

ด้าน นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องดูว่าปัญหาของ ด.ญ.นารวย เข้าหลักเกณฑ์ตาม มาตรา 23 พระราชบัญญัติสัญชาติ ที่ออกมาใหม่ล่าสุดหรือไม่ หากเข้าหลักเกณฑ์ และทำตามเงื่อนไขที่ระบุ ด.ญ.นารวย สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะอยู่ในฐานะของบุคคลบนพื้นที่สูงของไทย หากสามารถพิสูจน์สถานะก็สามารถให้ทางอำเภอออกใบอนุญาตออกนอกพื้นที่ได้ แต่ขอให้ดูที่หลักเกณฑ์ให้แน่ชัดก่อน ซึ่งกรณีนี้แตกต่างจาก ด.ช.หม่อง ทองดี ซึ่งมีพ่อแม่เป็นแรงงานข้ามชาติ แต่ ด.ญ.นารวย เป็นบุคคลบนพื้นที่สูงของประเทศไทย

นายบุญญฤทธิ์ สุวรรณเวช นิติกรสัญชาติ กลุ่มงานความมั่นคงปกครอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ด.ญ.นารวย สามารถไปขอลงรายการสัญชาติ แต่ต้องนำหลักฐานพ่อแม่ไปประกอบ เพื่อขอแจ้งเกิด และลงรายการในทะเบียน แต่ทั้งนี้ต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่ว่าพ่อแม่ได้สัญชาติก่อนที่ลูกเกิดด้วย เพราะ มาตรา 23 ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 4 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2551 ระบุว่าผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2515 - 27 กุมภาพันธ์ 2551 ให้ไปติดต่อยื่นขอลงรายการสัญชาติไทย ณ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือ ท้องถิ่นที่มีภูมิลำเนา กรณีที่เป็นคนไทย โดยกำเนิด แต่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดต้องเสียค่าปรับการขอแจ้งเกิดก่อน โดยให้นำเอกสารการเกิดของพ่อแม่ ของตนเอง หรือ บุคคลรับรองสถานะ ทำคลอด เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมอตำแย หรือบุคคลที่มีอายุมากกว่าไปรับรองสถานะ ซึ่งไม่น่าจะใช้เวลานานมากนัก เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจของนายอำเภอ แต่เท่าที่ดูอายุของ ด.ญ.นารวย ก็เห็นว่าอยู่ระหว่างเกณฑ์ระบุพอดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ด้าน นายประทีป วิมลพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าตอน เปิดเผยว่า เรื่องของ ด.ญ.นารวย ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพ่อแม่มีทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนครบ แต่ตอน ด.ญ.นารวย เกิด พ่อแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิด จนเป็นเหตุให้รายชื่อตกหล่น จึงจะประสานกับทางอำเภอ และ พร้อมที่จะรับรองสถานะการเป็นนักเรียนของโรงเรียน ซึ่งในขณะนี้ทางรายการทีวีได้ติดต่อมา จะมาทำเกล็ดชีวิตความเป็นอยู่ของ ด.ญ.นารวย สำหรับการเดินทางไปเฉินตูเห็นว่า ด.ญ.นารวย จะไปกับพ่อชื่อนายจะแส ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาใดๆ

///////////////////////////////////////////

ดญ.14ไร้สัญชาติ อดไปเฉินตู รางวัลชื่อแพนด้า



เด็กป.4 ได้รางวัลจากการประกวดตั้งชื่อ "หลินปิง" ได้ไปเที่ยวเฉินตู แต่ไม่มีสิทธิไปต่างประเทศเพราะไร้สัญชาติ วอนผู้เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ เผยพ่อแม่สัญชาติไทย เชื้อชาติลาหู่ แต่ไม่ได้ไปแจ้งเกิด..

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดปัญหาเด็กที่เกิดในประเทศไทย แต่ไร้สัญชาติทำให้ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ คล้ายกับกรณี ด.ช.หม่อง ทองดี นักเรียน ป.4โรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยครั้งนี้เป็น ด.ญ.นารวย จะเติง อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โชคดีจากโครงการไปรษณียบัตรตั้งชื่อแพนด้าน้อย "หลินปิง" ขององค์การสวนสัตว์ฯ ได้รางวัลที่ 3 เงินสด 100,000 บาท และตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-เฉินตู แต่ไม่มีสิทธิเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากเป็นบุคคลไร้สัญชาติ

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ย. ด.ญ.นารวย จะเติง พร้อมด้วยบิดา และนายนพรุจ แปงยวง ครูประจำชั้น ได้เดินทางมาออกรายการ "บุษบาบานเช้า" ทาง ททบ.5 เพื่อวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ โดยปัญหาของ ด.ญ.นารวย เกิดจาก พ่อแม่ซึ่งมีสัญชาติไทย เชื้อชาติลาหู่ แต่ตอนที่ ด.ญ.นารวย คลอดไม่ได้ไปแจ้งเกิด ทำให้เป็นบุคคลไร้สัญชาติ รวมถึงน้องอีก 2 คนก็เป็นบุคคลไร้สัญชาติเช่นกัน มีเพียงบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ห่างไกลจากตัวอำเภอถึง 12 กิโลเมตร

"พ่อน้องเขาพูดง่ายๆ คือไม่มีสตางค์ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้เดินทางไปแจ้งเกิด ทำให้น้องเขาไม่มีทั้งสูจิบัตร หลักฐานการเกิด หลักฐานการเป็นคนไทยเลย" นายนพรุจ ครูประจำชั้นกล่าว และวิงวอนให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ด.ญ.นารวย เปิดเผยว่า ได้ซื้อไปรษณียบัตร 1 ใบจากครูโรงเรียนบ้านท่าตอน ราคา 5 บาทจากเงินที่พ่อให้ค่าขนม 10 บาท ส่งไปรษณียบัตรมาร่วมสนุก และดีใจที่ได้รับรางวัล ซึ่งได้เดินทางมารับรางวัลที่กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.ย. โดยต้องทำหนังสือขออนุญาตทางการให้ออกนอกเขตเป็นกรณีพิเศษ ด้วยเหตุผลมนุษยธรรม เพื่อไปรับรางวัลการเข้าร่วมโครงการไปรษณียบัตรประกวดตั้งชื่อลูกหมีแพนด้า ขององค์การสวนสัตว์ฯ เป็นเวลา 7 วัน หากไม่มีหนังสือดังกล่าวก็จะถือว่าผิดกฎหมาย

นายนพรุจ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา มีกรณีเดียวกับของ ด.ญ.นารวย ยื่นขอสัญชาติ โดยมีขั้นตอนคือ อันดับแรกตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นไปแจ้งเกิดย้อนหลัง และแจ้งเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนราษฎร์ แต่ต้องใช้ระยะเวลานานเป็นปี ซึ่งหาก ด.ญ.นารวย จะดำเนินการก็คงจะไม่ทันกำหนดไปเที่ยวเฉินตูแน่นอน

ภาพและข่าวจากไทยรัฐออนไลน์

ขอบคุณที่มาข้อมูลwww.teeneelanna.com

Advertisement