ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ แสวง มลศิลป์ จากจังหวัด ยโสธร |
|
ในหลวงพระผู้ทรงห่วงปวงพสกนิกรชาวไทย............... |
โพสต์เมื่อวันที่ : 18 ก.ย. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7048 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (33.33%-3 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....
สุเมธ เผย ในหลวง รับสั่งตลอด
เกษตรกรอย่าขายที่ดิน
สุเมธ เผย ในหลวง รับสั่งตลอด เกษตรกรอย่าขายที่ดิน (คมชัดลึก)
เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิข้าวไทย เปิดเผยในงานปาฐกถาพิเศษ
เรื่องภูมิใจข้าวไทย รักษ์ผืนนาไทย ว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีศักยภาพในการผลิตข้าวอยู่แล้ว และมีความพร้อมที่จะพัฒนา
ต่อไปได้อีก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้สูงขึ้น ซึ่งการพัฒนาการผลิตข้าวทั้งระบบจะต้องคำนึงปัจจัย 4 ด้าน
ได้แก่..
1. การบริหารจัดการน้ำ
2. ดิน
3. พันธุ์
4. เพิ่มช่องทางในการจำหน่าย
ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำ แต่ละปีน้ำในประเทศมีจำนวนมาก แต่ยังขาดที่จัดเก็บ ส่วนอ่างเก็บน้ำ
คลอง หนอง บึง ที่มีอยู่สามารถเก็บได้เพียง 8% ของที่จะเก็บเท่านั้น รัฐควรหาทางเพิ่มให้สูงขึ้นเป็น 16% หรือเท่าตัว
จะส่งผลให้ไทยมีพื้นที่การเกษตรเพิ่มขึ้นอีกมาก
"การรักษ์น้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำให้ยกระดับชลประทาน โดยขุดสระเป็นธนาคารน้ำในชุมชน
เพื่อเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง ไม่ต้องรอน้ำฝนหรือชลประทานของรัฐบาล แค่นี้ทำได้หรือไม่ ต่อไปเราก็ไม่กลัวแล้งแล้ว สำหรับ
ปัจจัยดิน ปัจจุบันเกษตรกรควรเก็บรักษาไว้สุดชีวิต เพราะไม่มีดินก็ไม่มีประเทศ ดังนั้น เกษตรกรอย่าคิดขายที่ดิน ควรเก็บ
ให้อยู่กับตัวตลอดแม้สภาพดินจะไม่ดีก็ตาม เมื่อมีน้ำดินเหล่านี้จะใช้ประโยชน์ได้ ปัจจุบันที่มีต่างชาติในประเทศที่มี
เงินมากเข้ามาซื้อในชื่อคนไทย เพื่อถือครองสิทธิ์แทนในที่ดินของคนไทย ซึ่งไม่แปลกเพราะเขามีเงิน เมื่อคิด
จะซื้ออะไรก็ได้ แต่สำคัญคนไทยคิดขายทำไม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งตลอดว่าพระองค์รักษ์ข้าว
รักษ์เกษตรกร ขอให้เกษตรกรอย่าขายที่ดิน
ส่วนพันธุ์ข้าวไทยมีพันธุ์ที่ดีจำนวนมากและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จึงควรเก็บรักษา เพราะถือว่าเป็นสมบัติ
ของไทยที่มีคุณค่า และพัฒนายกระดับให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งด้านการตลาดควรเปิดช่องทางเจรจากับต่างชาติให้มากขึ้น
เพิ่มมูลค่าโดยการแปรรูปสอดคล้องกับความต้องการของตลาด สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากข้าว"
นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งต้องการให้มียุ้งฉางชุมชน เพื่อเก็บรักษาข้าวให้ได้มาตรฐาน
เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้มากขึ้น การบริหารจัดการข้าวให้เป็นประสิทธิภาพทั้งขบวนการ ขณะนี้แม้จะมีการรับประกัน
ข้าว แต่ก็ต้องเป็นข้าวที่มีคุณภาพเท่านั้น มีการกำหนดเปอร์เซ็นต์ความชื้น การมียุ้งฉางจะทำให้แห้งและมีคุณภาพมากขึ้นราคา
ก็จะสูงตาม
"ขณะนี้ตลาดข้าวเป็นของเถ้าแก่ไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการบริหารจัดการ
ทั้งน้ำ พันธุ์ การทำตลาด การแปรรูปข้าว เพราะอนาคตราคาข้าวจะไม่หยุดอยู่แค่นี้แต่จะสูงขึ้นตามปริมาณประชากรโลก
ปัจจุบันประชากรโลกทั้งหมด 6,700 ล้านคน อาหารมีเพียง 40% เท่านั้น" นายสุเมธ กล่าว
ขณะที่ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวในการเสวนาเรื่อง อนาคตข้าวไทยและอนาคต
ชาวนาไทยว่า ไทยถือว่าเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก แต่คุณภาพชีวิตชาวนายังไม่ดีขึ้น มีหนี้สิน
เพื่อเป็นการยกระดับให้ชีวิตชาวนาให้ดีขึ้นและการพัฒนาข้าวทั้งระบบ รัฐบาลต้องทำยุทธศาสตร์ข้าว
พร้อมอุดหนุนงบประมาณปีละ 1.5 หมื่นล้านบาทต่อเนื่องกัน 5 ปี
"การพัฒนาด้านการผลิตข้าวขณะนี้ยังขาดเรื่องพันธุ์ข้าวยังไม่เพียงพอ ทำให้เกษตรกรบางส่วนใช้พันธุ์ข้าวไม่ดี
เพาะปลูก มีการปลอมปน กลายเป็นข้าวไม่มีคุณภาพ หากสถานการณ์การผลิตข้าวยังเป็นแบบนี้อนาคตข้าวไทยก็จะไป
ไม่รอด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2547 ที่ผ่านมาสมาคมชาวนาไทยได้ตรวจสอบการถือครองที่ดินของ เกษตรกร พบว่า
มีการกว้านซื้อจากนายทุนและต่างชาติ และมีความชัดเจนมากขึ้นประมาณกลางปี 2551 เมื่อมีคนไทยนำคนต่างชาติ
สนใจซื้อชัดเจนในรูปของบริษัท เบื้องต้นจะจ้างเกษตรกรเป็นผู้ผลิต หลังจากนั้นจะนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาข้าว
อย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูก แปรสภาพ จนถึงการส่งออก ซึ่งทำให้ไทยสูญเสียอาชีพนี้ ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสนใจ
และมีการติดตามตรวจสอบ
การถือครองของคนต่างชาติจะมาในทางอ้อม เช่น การแต่งงานกับคนไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ภาคอีสาน
และภาคกลาง พื้นที่รวม 1 แสนไร่ ดังนั้น ปัญหาเหล่านี้จึงน่าห่วง และไม่ควรวางใจ หากปล่อยทิ้งไว้ทั้งชาวนา
โรงสี และผู้ส่งออกจะหายไปหมด" นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายประกันราคาข้าวของรัฐบาลขณะนี้ยังไม่มีความพร้อมและไม่มีความชัดเจน
การขึ้นทะเบียนยังไม่แล้วเสร็จ เงื่อนไขการประกันราคาไม่มีความเหมาะสม ซึ่งควรเพิ่มปริมาณการรับประกันราคา
รายละ 40 ตัน เพิ่มขึ้นจากเงื่อนไขเดิมที่กำหนดไว้ 20 ตัน
เรื่องนี้สมาคมจะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.)
พิจารณาอีกครั้งวันที่ 25 กันยายนนี้อีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
Advertisement
|