แต่ละคนมีการเลี้ยงลูกแตกต่างกัน แต่การเลี้ยงด้วยหลัก 3 L คือ Love , Limit และ Let him ( her ) grow จะจำง่าย ไม่ยุ่งยากที่จะยึดหลักในการเลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์
1. Love ( ความรัก ) เด็กทุกคนต้องการความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักจากพ่อ แม่ ลูกจะมีเวลาอยู่กับ พ่อแม่ มากที่สุดก็เพียงในวัยเด็ก ถ้าลูกเติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น มีความรักใคร่กลมเกลียวกันภายในครอบครัว จิตใจของลูกจะสงบนิ่ง ไม่ว้าวุ่น ทำอะไรก็มั่นใจ ไม่กลัวความล้มเหลว และเมื่อพบอุปสรรคใดๆ ในวัยเด็ก ก็ได้พ่อหรือแม่ ช่วยบอกแนวทางแก้ไข เพื่อให้การงานต่างๆลุล่วงไปด้วยดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้แก่ลูกในการเติบโต เป็น ผู้ใหญ่ในวันหน้า ลูกจะกล้าเผชิญปัญหาและอุปสรรคต่างๆโดยไม่ว้าวุ่น ไขว้เขวหรือวิ่งเข้าหายาเสพติด ความรักที่คุณให้แก่ลูกนี้ยังเป็นแรงกระตุ้นให้คุณมุทำงาน โดยยอมเหน็ดเหนื่อยหาเลี้ยงครอบครัวเพื่อลูกๆหาโรงเรียนที่ดีให้ลูกได้เล่าเรียน แต่ความรักของคุณต่อลูกนี้ควรแสดงออกเป็นรูปธรรม คือ การให้ความเอ็นดู โอบกอดลูกตามโอกาสอันควรอย่างสม่ำเสมอ ยังมีพ่อ และแม่อีกจำนวนมากที่คิดว่าลูกจะเติบโตเอง สักพักลูกก็จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว วันจันทร์ - วันศุกร์ส่งลูก ไปโรงเรียนเท่านั้น และเอาเวลาส่วนใหญ่ทำแต่ธุรกิจหรือทำแต่งาน โดยไม่แบ่งเวลาให้ลูกเลย พอวันหยุดพ่อและแม่จะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ปล่อยลูกเล่นกันเองหรืออยู่กับเพื่อนฝูง พ่อแม่เหล่านี้จะไม่รู้จิตใจลูกและลูกก็จะไม่ซาบซึ้งและไม่รู้จิตใจพ่อแม่ เช่นกัน ฉะนั้นจงอย่าทิ้งช่วงนี้โดยเปล่าประโยชน์ วัยเด็กของลูกจะเปรียบเสมือนต้นไม้อ่อนที่เริ่มงอกจากเมล็ด จึงควรหมั่นให้น้ำและปุ๋ย ( ความรัก ) แก่ต้นไม้นี้ในขณะกำลังเติบโตอย่างเต็มที่และตลอดเวลา
2. Limit ( จำกัด ขอบเขต ) เมื่อคุณให้ความรักแก่ลูก คุณควรให้ลูกรู้ว่าความรักนี้มีขอบเขต ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่บ้าน ขอบเขตที่วางไว้ให้แก่ลูกขณะอยู่ที่บ้าน ก็คือ ระเบียบง่ายๆเมื่อลูกเติบโตขึ้นจะได้รู้ขอบเขตในสังคมได้ดี ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ยกตัวอย่าง เช่น เวลา 3 ทุ่มลูกควรจะนอนได้แล้ว แต่ลูกของคุณยังอยากดูภาพยนตร์จากเครื่องเล่นวีดีโอ เมื่อคุณปิดวีดีโอ ลูกจะร้องไห้รุนแรงจนลั่นบ้าน จนทนไม่ได้ต้องเปิดให้ดูจนจบ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่เหมาะสม ไม่ใช่ตามใจลูกเรื่อยไป คราวหลังต้องตกลงกันก่อนดูวีดีโอ ถ้าจะดูต้องไม่เกิน 3 ทุ่ม ตกลงมั๊ย ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ให้ดู เป็นต้น การให้ขอบเขตแก่ลูกนั้นคุณควร จะปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเหมือนกันทุกครั้ง เช่น วันก่อนให้ลูกดูทีวีได้เพียง 3 ทุ่ม แต่พอวันต่อมาคุณหรือสามีกลับดูทีวีเพลินโดยให้ลูกร่วมดูด้วยจนเกินเวลาหลับนอน คือ เวลา 3 ทุ่ม ซึ่งวันรุ่งขึ้นลูกต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ลูกจึงเกิดความสับสนในขอบเขตที่ตั้งไว้ในบ้าน ลูกอาจจะคิดว่าคุณหรือพ่อเลือกปฏิบัติ เมื่อโตขึ้นอาจจะไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของสังคม และเกรงว่าตนเองถูกเลือกปฏิบัติจากสังคมเช่นกัน อาจจะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา
3. Let him ( her ) grow คุณควรจะรู้คร่าวๆว่าลูกทำอะไรได้บ้างแล้ว ควรให้เขาทำเอง ถ้าลูกทำบางสิ่งบางอย่างเกือบจะได้ก็ควรให้ลูกฝึก เพื่อให้เกิดความมั่นใจในตนเองว่าตนเองสามารถแก้ไขสิ่งต่างๆได้ ไม่เช่นนั้นลูกจะไม่โต มีผู้ปกครองจำนวนมากที่รักลูกมาก อุ้มลูกตลอดเวลาจนลูกอายุ 5-6 ปี ก็ยังอุ้ม เพราะกลัวลูกเหนื่อยเวลาเดินตามห้าง คุณควรตกลงกับลูกก่อนออกจากบ้านว่าลูกต้องเดินเองนะ ยกเว้นในบางกรณีที่ต้องเดินทางไกล อาจจะช่วยลูกบ้าง ควรเฝ้าดูพัฒนาการต่างๆของลูกว่าทำอะไรได้แล้ว เช่น จับขวดนมเอง จับช้อน ป้อนตัวเองได้เมื่ออายุ 1 ขวบ หรือเมื่ออายุ 6 ขวบควรใส่เสื้อผ้าและผูกเชือกรองเท้าได้เอง ก็ควรให้หัดทำเอง
ดังนั้น คุณควรประเมินทุกๆระยะว่าคุณให้ 3L กับลูกทุกคนเท่าเทียมกันหรือไม่ และเหมาะสมตามอายุของลูกหรือไม่ ถ้าหย่อน L ไหน ก็ควรเพิ่มเติมทันทีไม่ควรผลัดไปสัปดาห์หน้าหรือเดือนหน้า เช่น ระยะนี้สามีคุณมีงานยุ่งมากจึงไม่มีเวลาให้แก่ลูก คุณควรดูแลแทนชั่วคราว แล้วให้สามีรีบชดเชยเมื่อว่างทันที อย่าใช้เงินชดเชยแทนความรักที่จะให้แก่ลูกๆ ลูกจะสุขใจที่ได้อยู่กับพ่อแม่ มากกว่าเงินที่ให้ "หาเงินเพื่อครอบครัว หาเวลาเพื่อลูก ควบคู่กันไป ”