หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
รัชนี คุณานุวัฒน์
จากจังหวัด ยโสธร

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ...&...กิจกรรมมอบรางวัลใหญ่..ใช้ภาษาไทยดีเด่น...
โพสต์เมื่อวันที่ : 29 ก.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7046 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(60.00%-5 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ

วันภาษาไทยแห่งชาติ

          รู้กันหรือไม่ว่าภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็มีวันที่ระลึกถึงภาษาไทยของเราด้วยเหมือนกัน โดยในวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี ประเทศไทยได้กำหนดให้เป็น

"วันภาษาไทยแห่งชาติ"


ความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ


          สืบเนื่องจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย รวมถึงเพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป จึงได้เสนอขอให้รัฐบาลประกาศให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็น วันภาษาไทยแห่งชาติ เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ ที่รัฐบาลได้จัดให้มีมาก่อนแล้ว เช่น วันวิทยาศาสตร์,วันสื่อสารแห่งชาติ เป็นต้น และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 เห็นชอบให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ 


เหตุผลที่เลือกวันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ


          สำหรับเหตุผลที่เลือกวันที่ 29 กรกฎาคม เป็น วันภาษาไทยแห่งชาติ นั้นเพราะวันดังกล่าว ตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธาน และทรงร่วมอภิปรายในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องประชุมคณะอักษรศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ทรงเปิดอภิปรายในหัวข้อ "ปัญหาการใช้คำไทย" โดยพระองค์ทรงดำเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปราย ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยรวมถึงความห่วงใยในภาษาไทย ซึ่งเป็นที่ประทับใจกับผู้ร่วมเข้าประชุมในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง


          สำหรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนั้น มีใจความตอนหนึ่งว่า "เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษาก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สามคือความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้... สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆ ก็ควรจะมี ควรจะใช้คำเก่าๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก..."


          นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการภาษาไทย ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ซึ่งในโอกาสต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงแสดงความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทยอีกหลายโอกาส อย่างในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ที่ได้ทรงมีพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า "ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่า ได้มีการใช้คำออกจะฟุ่มเฟือย และไม่ตรงกับความหมายอันแท้จริงอยู่เนืองๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นไปดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งอันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคนจึงมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้ ฉะนั้นจึงขอให้บรรดานิสิตและบัณฑิต ตลอดจนครูบาอาจารย์ได้ช่วยกันรักษาและส่งเสริมภาษาไทย ซึ่งเป็นอุปกรณ์และหลักประกันเพื่อความเจริญวัฒนาของประเทศชาติ"


          นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังมีพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยะภาพในการใช้ภาษาไทย ทรงรอบรู้ปราดเปรื่องถึงรากศัพท์ของคำไทย คือ ภาษาบาลีและสันสกฤต ทรงพระอุตสาหะวิริยะแปลและเรียบเรียงวรรณกรรมภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะวรรณศิลป์ มีเนื้อหาสาระที่มีคุณค่า เป็นคติในการเสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนในการใช้ภาษาไทย ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์แปลเรื่องนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ ติโต พระราชนิพนธ์แปลบทความเรื่องสั้นๆ หลายบท และพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก เป็นต้น


วัตถุประสงค์ในการจัดวันภาษาไทยแห่งชาติ มีดังต่อไปนี้


           1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์และนักภาษาไทย รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใย และพระราชทานแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย


           2. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542


           3. เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติ ให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป


           4. เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งเพื่อยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับ ให้มีสัมฤทธิผลยิ่งขึ้น


           5. เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐฯ และเอกชนทั่วประเทศ มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อเผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ ไปสู่สาธารณชน ทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติ และในฐานะที่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารของทุกคนในชาติ


ประโยชน์ที่คาดว่าได้รับจากการมีวันภาษาไทยแห่งชาติ


           1. วันภาษาไทยแห่งชาติ จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐฯ และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และทบวงมหาวิทยาลัย ตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย และร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือน เผยแพร่ และเน้นย้ำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ "ภาษาประจำชาติ" ของคนไทยทุกคน และร่วมมือกันอนุรักษ์การใช้ภาษาไทยให้มีความถูกต้องงดงามอยู่เสมอ


           2. บุคคลในวงวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาไทย โดยเฉพาะในวงการศึกษา และวงการสื่อสาร ช่วยกันกวดขันดูแลให้การใช้ภาษาไทยเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม มิให้ผันแปรเปลี่ยนแปลง จนเกิดความเสียหายแก่คุณลักษณะของภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ


           3. ผลสืบเนื่องในระยะยาว คาดว่าปวงชนชาวไทยทั่วประเทศจะตื่นตัวและสนใจที่จะร่วมกันฟื้นฟู ทำนุบำรุง ส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์และสมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป


กิจกรรมในวันภาษาไทยแห่งชาติ

          กิจกรรมในวันนี้ ก็จะมีทั้งของสถาบันการศึกษา,หน่วยงานภาครัฐฯ และเอกชน ที่จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดนิทรรศการ,การอภิปรายทางวิชาการ,การประกวดแต่งคำประพันธ์ ร้อยแก้ว ร้อยกรอง การขับเสภา การเล่านิทาน เป็นต้น

          ภาษาไทยถือเป็นภาษาแห่งชาติ และเป็นเอกลักษณ์ของชาติที่เราคนไทยควรภาคภูมิใจ เพราะบางประเทศไม่มีแม้กระทั่งภาษาที่เป็นของตัวเอง ดังนั้นเราควรอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่ และสืบทอดต่อไปให้ลูกหลานได้ศึกษา หากเราคนไทยไม่ช่วยกันรักษาไว้ สักวันหนึ่งอาจจะไม่มีภาษาไทยให้ลูกหลานใช้ก็เป็นได้ 

      
    โดยวันนี้(29 กรกฎาคม 2552) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลงานวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี 2552 ในเวลา 08.30 น.ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดงานวันภาษาไทย ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม แบ่งเป็นส่วนกลาง และภูมิภาค โดยส่วนกลางจัดที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมีการแสดงนิทรรศการวิวัฒนาการอักษรไทย การแสดงพื้นบ้านของเยาวชนที่ใช้ภาษาถิ่นจากจังหวัดต่างๆ การแสดงละครจากวรรณคดีไทย การเล่นสักวากลอนสดจากวรรณคดีไทย กิจกรรมคลินิกหมอภาษา ขณะที่ในส่วนภูมิภาค ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ จัดให้มีการสัมมนาเกี่ยวกับปัญหาการเรียนการสอนและการใช้ภาษาไทยในปัจจุบัน










          นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้คัดเลือกบุคคลที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น และผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น ประจำปี 2552 ประกอบด้วย

รางวัลปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ได้แก่ 

           พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) 

           นายชวน หลีกภัย

           นายสมบัติ พลายน้อย 

           ศาสตราจารย์เกียรติคุณเจตนา นาควัชระ 

           นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย 

           ศาสตราจารย์กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ 

           ศาตราจารย์ (พิเศษ) เสถียรพงษ์ วรรณปก

รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น ได้แก่ 

           นายเอกชัย ศรีวิชัย

           นายเจริญ มาลาโรจน์  (มาลา คำจันทร์) 

           นางบัวซอน ถนอมบุญ 

           นายณรงค์ พงษ์ภาพ (นภดล ดวงพร) 

           นางราตรี ศรีวิไล 

           นายสาทร ดิษฐสุวรรณ

รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ได้แก่ 

           นายกิตติ สิงหาปัด 

           นายกุลชาติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา 

           นายชูชาติ ชุ่มสนิท 

           นายธงชัย ประสงค์สันติ 

           รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรืองณรงค์ 

           ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ 

           ศาสตราจารย์รื่นฤทัย สัจจพันธ์ 

           นายโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน)

รางวัลเพชรในเพลง 

           ประเภทเพลงไทยสากล ได้แก่ เพลงค่าน้ำนม ผู้ประพันธ์ นายไพบูลย์ บุตรขัน 

           ประเภทเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ เพลงยอยศพระลอ ผู้ประพันธ์ นายพยงค์ มุกดา

รางวัลผู้ขับร้องเพลงไทยสากลดีเด่นด้านภาษาไทย ได้แก่ 

           นายธงไชย แมคอินไตย์ 

           น.ส.ธนพร แวกประยูร 

           นายสุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว


images 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาษาไทยงดงาม สยามเมืองยิ้ม.....>> http://charyen.com/jukebox/play.php?id=11355
 
ความงามของภาษา

ความงามของภาษา
ความหมายของคำว่าภาษา
     ภาษา หมายถึง การพูด การแสดงออกเพื่อสื่อความหมายอย่างเป็นระบบ ระหว่างผู้รับสารและผู้ส่งสาร ภาษาใช้เสียงสื่อความหมายเป็นสำคัญ ดังนั้น ทุกชนชาติจึงมีภาษา นั่นคือภาษาพูด ตัวอักษรไม่ใช่ภาษา แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงในภาษา
ความสัมพันธ์ระหวางเสียงกับความหมาย
     เสียงจะมีความหมายอย่างไร ขึ้นกับการตกลงกันของคนแต่ละกลุ่ม แต่ละพวก นั่นคือ ถ้าเสียงกับความหมายมีความสัมพนธ์กันอย่างใกล้ชิดจริง ๆ แล้ว ทุก ๆ ชนชาติจะใช้คำตรงกัน และในโลกจะมีเพียงภาษาเดียวเท่านั้น
     คำที่พอจะมีความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับความหมายคือ "คำเลียนเสียงธรรมชาติ" ซึ่งมีอยู่น้อยนิดในแต่ละภาษา เช่น คนไทย เรียกนกชนิดหนึ่งว่า กา คนอินเดียเรียก กาก ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ภาษาเป็นไปตามกำหนดของแต่ละชนกลุ่ม
กำเนิดภาษา
     ภาษาไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยการกำหนดกันเองว่า แต่ละคำให้มีความหมายอย่างไร ดังนั้น ภาษาในโลกนี้ จึงมีมากหมายหลายร้อยภาษา
การพัฒนาของภาษา
     เมื่อภาษาเกิดขึ้นมาแล้ว ภาษามักจะสะท้อนความเจริญของมนุษย์ผู้สร้างสรรค์ เช่น ภาษาไทย เป็นภาษาที่แสดงให้เห็นถึงคนไทยที่เจริญทางด้านศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่โบราณ ภาษาไทยจึงมีศัพทืเฉพาะที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม แต่ศัพท์ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีไม่ค่อยมี จึงต้องทับศัพท์ หรือคิดค้นคำใหม่ในภายหลัง
การเปลี่ยนแปลงภาษา
     ภาษามีการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางด้านเสียง และความหมาย บางคำอาจกลายเป็นเป็นคำสูญหาย ไม่มีใครใช้ ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจาก
     1. การพูดในชีวิตประจำวัน ทั้งการกร่อนเสียง เช่น หมากขาม เป็น มะขาม สาวใภ้ เป็น สะใภ้ หรือการกลมกลืนเสียง เช่น อย่างไร เป็น ยังไง อย่างนั้น เป็น อย่างงั้น
     2. อิทธิพลจากภาษาอื่น
          2.1 ในสมัยก่อน ไทยรับภาษาบาลี สันสกฤต และคำเขมรมาใช้ แต่ในปัจจุบัน ไทยรับเอาคำตะวันตกมาใช้ เช่นคำว่า เกียร์ เมตร ไมล์ สังเกตว่า เรารับแต่คำศัพท์มา มิได้รับไวยากรณ์มาด้วย เช่น เราใช้คำว่า เขาสูงห้าฟุต มิใช่ เขาสูงห้าฟิต
          2.2 การใช้สำนวนภาษาต่างประเทศ เช่น มันเป็นการดีที่จะบอกว่า หรือ เขาถูกตี
          2.3 การใช้จำนวนนับอยู่ข้างหน้าคำนาม โดยไม่ใช่ลักษณนาม เช่น 3 โจร ปล้น 5 เหรียญทอง ต้องแก้เป็น โจร 3 คน ปล้นเหรียญทอง 5 เหรียญ
          2.4 การเรียงลำดับคำ เช่น ทุกสภาพถนน ต้องแก้เป็น ถนนทุกสภาพ
          2.5 การเรียงลำดับประโยค เช่น ไทยส่งออกข้าวปีละมาก ๆ ต้องแก้เป็น ไทยส่งข้าวออกปีละมาก ๆ
          2.6 การใช้คำว่า ซึ่ง เช่น อย่าฆ่าซึ่งสัตว์ อย่าตัดซึ่งชีวิตมนุษย์ ควรแก้เป็น อย่าฆ่าสัตว์ อย่างตัดชีวิตมนุษย์
     3. ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เมื่อสิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลง ก้อมีการเรียกสิ่งใหม่เช่น จานดาวเทียม โทรศัพท์มือถือ
     4. การเรียนภาษาของเด็ก เมื่อเด็กเริ่มเรียนภาษา อวัยวะต่าง ๆ ยังทำงานไม่เต็มที่ เด็ก ๆ จะออกเสียงเพี้ยนไปจากผู้ใหญ่ บางทีต้องสร้างคำง่าย ๆ เพื่อให้เด็กออกเสียงกัน เช่น หม่ำ แทนคำว่า กิน สมองของเด็กอาจยังไม่พัฒนาเต็มที่ มักอาจผูกประโยคแบบแปลก ๆ ถ้าหากเด็กไม่ได้รับการแก้ไขหรือผู้ใหญ่เห็นว่าน่ารัก อาจนำมาใช้ตาม ก็อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาษาได้
ประโยชน์ของภาษา
     1. ภาษาช่วยธำรงสังคม มนุษย์ใช้ภาษาทักทายปราศัย สร้างมิตรไมตรี ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
     2. ภาษาช่วยแสดงเอกัตภาพของบุคคล ภาษาเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความคิดเห็น รสนิยม สติปัญญา ลักษณะเฉพาะของบุคคล
     3. ภาษาช่วยพัฒนามนุษย์ ภาษาทำให้มนุษย์สามารถถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ความคิดที่สั่งสมมาไปยังรุ่นต่อไป ให้ขยายกว้างไปทั่ว เพื่อเป็นฐานในการสร้างเสริม ให้เกิดการพัฒนามากขึ้น
     4. ภาษากำหนดอนาคต มนุษย์สามารถกำหนดอนาคตด้วยการใช้ภาษา เช่น การวางแผน การร่างโครงการ การทำนาย การทำสัญญา การพิพากษา การอ้อนวอน การขอร้อง
     5. ภาษาทำให้เกิดความชื่นบาน ภาษาทำให้เกิดความไพเราะ ความหมายลึกซึ้ง คารมคมคาย ถ้อยคำชวนขัน การเล่นเกมทางภาษา อย่างไรก็ตาม การเล่นสนุกกับภาษา ต้องอยู่ในรสนิยมที่ดีงาม ไม่เล่นคำผวนที่หยาบคาย เป็นต้น
อิทธิพลของภาษาที่มีต่อมนุษย์
    - มนุษย์เข้าใจไปว่า คำต่าง ๆ ในภาษากับสิ่งที่คำนั้นใช้แทนคือสิ่งเดียวกัน บางคนเชื่อในอำนาจของคำ เช่น ถ้าท่องคาถาหัวใจหมี จะทำให้ไม่ถูกผึ้งต่อย เป็นต้น
    - คนไทยบางคน เชื่อในความเป็นมงคลของพืชบางชนิด ที่พ้องกับสิ่งที่เป็นมงคล เช่น ใบเงิน ใบทอง มักนำพืชดังกล่าว มาใช้ในงานมงคล
    - คำบางคำ แฝงความหมายไปทางบวก หรือคุณสมบัติอันเป็นที่ชอบใจ และบางคำ มีความหมายเป็นลบ เช่น สิ้นใจ พูดปด เหล่านี้ ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า คำว่า ตาย โกหก เป็นต้น

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลsocial.eduzones.com

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง 29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ...&...กิจกรรมมอบรางวัลใหญ่..ใช้ภาษาไทยดีเด่น...
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

รัชนี คุณานุวัฒน์
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
รัชนี คุณานุวัฒน์..