ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์ จากจังหวัด จันทบุรี |
|
กรรม?.. คำตอบของชีวิต |
โพสต์เมื่อวันที่ : 13 ก.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7046 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (50.00%-4 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....
กรรม….. คำตอบของชีวิต
คนเราเกิดมาทำไม เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยาก เพราะทุกคนเกิดมาในโลกนี้ด้วยความไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำไมจึงเกิดมาเป็นคนรวย ทำไมจึงเกิดมาลำบากยากจน ทำไมจึงเกิดมาพิการ ทำไมจึงสวย ทำไมจึงขี้เหร่ ฯลฯ นอกจากเกิดมาด้วยความไม่รู้แล้วก็ยังไม่รู้อีกว่าจะตายเมื่อไร จะตายด้วยเหตุใด ตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ทุกคนมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่รู้ ไม่รู้กระทั่งว่าชีวิตคืออะไร
มีนักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อย ที่พยายามอธิบายความหมายของคำว่า "ชีวิต" และพยายามศึกษาเพื่อให้เข้าใจชีวิต รวมทั้งพยายามจะทำความเข้าใจพฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ ของมนุษย์ว่า ทำไมจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้นเช่นนี้ มีอะไรเป็นตัวเร้า หรือตัวกำหนด และพยายามจะสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับชีวิตในแง่มุมต่างๆ เพื่ออธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
คำตอบเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์นั้นมีกล่าวไว้แล้วในพระพุทธศาสนา เพียงแต่น้อยคนนักที่จะสนใจศึกษาอย่างจริงจัง ชาวพุทธส่วนมากไม่สนใจศึกษาพระธรรมขั้นละเอียด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเข้าใจได้ ในขณะที่ชาวพุทธบางกลุ่มโดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษาสูงๆ เข้าใจผิดคิดว่าพระธรรมง่าย สามารถจะคาดคะเน หรือคิดเอาเองได้ตามความคิดนึกของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบก็สามารถจะเข้าใจเองได้ โดยคิดว่าเป็นหลักคำสอนที่สอนให้คนทำความดี ละความชั่ว เหมือนกับหลักคำสอนของศาสนาอื่นๆ ทั่วไป
จึงไม่สนใจศึกษาพระธรรมเพราะคิดว่าตนเองดีแล้ว พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่แล้ว ไม่คิดร้ายกับใคร ไม่อิจฉาริษยาใคร ไม่มีทุกข์ เป็นคนดีของสังคมแล้วจะต้องสนสนใจศึกษาพระธรรมไปทำไม เมื่อไม่สนใจศึกษาพระธรรม ซึ่งก็คือความจริงของชีวิต ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกผู้มืดบอดทั้งหลายให้รู้ตาม ผู้นั้นก็ไม่สามารถจะเข้าใจความเป็นจริงที่มีอยู่ ไม่สามารถหาคำตอบให้กับชีวิตของตนเอง ในทางตรงกันข้ามเมื่อผู้ใดมีโอกาสได้ศึกษาพระพุทธศาสนาโดยละเอียดแล้ว ผู้นั้นจะรู้ได้ด้วยตนเองทันทีว่านี่คือของจริง และนี่คือ คำตอบของชีวิต
พุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ดังที่ท่านพระอัสสชิแสดงธรรมแก่ท่านพระสารีบุตร ว่า “ธรรมะทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ” นั่นก็คือ การที่ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน เป็นเพราะได้กระทำเหตุ คือ ทำกรรมมาต่างกัน กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั่นเองเป็นเหตุให้มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณต่างกัน มีอุปนิสัยดีเลวต่างกัน
กรรมที่กระทำไว้แล้วนั่นเองเป็นเหตุให้ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับความสุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา ท่านจะเข้าใจสิ่งที่ที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาพระอภิธรรมโดยละเอียด พระอภิธรรมเป็นคำสอนเกี่ยวกับสภาวธรรมที่มีอยู่จริง หรืออีกนัยหนึ่งคือ สัจจธรรม นั่นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญความเพียรอบรมพระบารมีถึง 4 อสงไขยแสนกัป เพื่อตรัสรู้สัจจธรรม หรือ ความจริงของสิ่งทั้งปวง นี้
ฉะนั้น ความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นไม่ง่าย ผู้ใดที่คิดว่าพระธรรมเป็นของง่ายไม่จำเป็นต้องศึกษา ก็สามารถจะเข้าใจได้ ผู้นั้นกำลังเข้าใจผิดและกำลังประมาทพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า แม้พระพุทธองค์เองเมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ไม่ทรงน้อมพระทัยที่จะแสดงพระธรรมแก่สัตว์โลกด้วยทรงเห็นว่า พระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นละเอียด ลึกซึ้ง และรู้ตามเห็นตามได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่เคยสะสมปัญญามา ก็จะสามารถพิจารณาหรือพิสูจน์ธรรมะที่ทรงแสดงได้ตามกำลังของปัญญาของตน
ดังข้อความปรากฏในคำนำของหนังสือพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย ว่า..... พระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้น เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ตามเห็นตามได้ยาก สงบ ประณีต ไม่อาจรู้ได้ด้วยการตรึกละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้ (พระสูตร และอรรถกถาแปล มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๒)
|
|
|
Advertisement
|