หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
ณัฐนภา
จากจังหวัด ศรีสะเกษ

สุวรรณหงส์
โพสต์เมื่อวันที่ : 10 ก.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 6907 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(65.71%-7 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

 

สุวรรณหงส์

                   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนครใหญ่และเจริญรุ่งเรืองอยู่ชื่อ "นครไอย

รัตน์" ปกครองโดยพระราชาทรงพระนามว่า "ท้าวสุทันนุราช" พระองค์มีพระมเหสีทรงพระนามว่า "พระนางศรีสุวรรณ" ทั้งสองพระองค์มีพระราชโอรสพระนามว่า "สุวรรณหงส์" บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งโหรหลวงได้กล่าวคำทำนายไว้ว่าในไม่ช้าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นในพระนคร

                  เมื่อทราบคำนายเช่นนั้นพระราชาและเหล่าพสกนิกรต่าง ๆ ก็ทุกข์ร้อน

ใจมากและสงสัยว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากประเภทใดกันแน่เนื่องจากโหรไม่ได้ระบุประเภทลงไป แต่ละคนจึงคิดกันไปต่าง ๆ นานาเป็นต้นว่า ข้าวยากหมากแพงบ้าง ข้าศึกรุกรานบ้าง และภัยพิบัติทางธรรมชาติบ้าง ฯลฯ แล้วก็รอให้เหตุการณ์ที่มองไม่เห็นนี้เกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

                  เมื่อเจ้าชายสุวรรณหงส์ทรงเจริญวัยสมควรที่จะได้ศึกษาหาความรู้ เพื่อ

ประโยชน์แก่การขึ้นครองราชย์ในอนาคต พระราชาก็ส่งพระองค์ไปศึกษาเล่าเรียนกับพระฤๅษีในป่า และในขณะที่อยู่กับพระฤๅษีนั้น เจ้าชายสวรรณหงส์ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาในหลายแขนงด้วยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาฟันดาบและเรียนรู้ภาษาของสัตว์ หลังจากจบแล้วก็กราบลาพระฤๅษีเสด็จกลับพระนคร

หลังจากเสด็จกลับมาแล้ว เจ้าชายก็ช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจของพระ

บิดาในเกือบทุกเรื่อง พระราชาทรงปลื้มปิติกับพระโอรสยิ่งนัก แต่ก็ทรงนึกถึงคำทำนายของโหรอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงดำริว่าคำทำนายของโหรมีความคลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน จึงไม่จำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงวิตกกังวลอีกต่อไป

       วันหนึ่ง ในขณะที่พระสุวรรณหงส์เสด็จไปสรงน้ำที่ธารน้ำ ก็ทอดพระเนตร

เห็นผอบทองที่พระธิดาพญายักษ์ลอยน้ำเสี่ยงทายมา เมื่อเปิดผอบก็พบพวงมาลัยดอกไม้สดกลิ่นหอมหวานยิ่งนักจึงนำมาเก็บไว้ในพระราชวังด้วย เป็นที่น่าประหลาดใจก็ตรงที่ว่าแม้จะล่วงเลยไปเป็นเวลา 3 วันแล้ว พวงมาลัยดอกไม้สดนั้นก็ยังคงสดและมีกลิ่นหอมอยู่อย่างนั้น

       คืนหนึ่ง เจ้าชายก็ทรงสุบินว่า ได้พบกับสาวสวยเจ้าของพวงมาลับดอกไม้นั้น

ครั้นตื่นจากบรรทมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนึกถึงนางและคิดหาหนทางที่จะได้พบนาง พระองค์ทรงตกหลุมรักของหญิงสาวในสุบินเสียแล้ว

     อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระสุวรรณหงส์ระทมทุกข์ถึงนางในฝันอยู่นั้น ได้มีนาย

ช่างผู้มีความสามารถสองคนมาขอเข้าเฝ้า ทั้งสองได้ทูบให้พระองค์ทราบว่าพวกเขามีความสามารถพิเศษซึ่งสามารถประดิษฐ์ของวิเศษให้พระองค์ได้หากพระองค์ทรงอนุญาต พวกเขาก็พร้อมที่จะเริ่มงานในทันที เมื่อถูกถามถึงความชำนาญพิเศษทั้งคู่ก็ทูลว่าเขาคนหนึ่งเป็นช่างไม้มีความชำนาญพิเศษในการต่อเรือ ในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นช่างเครื่องสามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์ให้เรือบินไปได้อย่างพญานก

     และแล้วนายช่างทั้งสองก็เริ่มประดิษฐ์ผลงานชิ้นเอกซึ่งก็เป็นเรือหงส์เหาะได้

แล้วก็นำไปถวายพระโอรสซึ่งก็เป็นที่พอพระทัยยิ่งนักที่ได้เห็นสิ่งประดิษฐ์อันสวยงามเช่นนั้น พระองค์ได้ประทานรางวัลให้ทั้งคู่อย่างงาม ขณะที่ทรงชื่นชมความงามอยู่นั้นก็ทรงเห็นอักขระแปลกประหลาดจารึกอยู่บนเรือนั้น พระองค์จึงตรัสถามหาความหมาย แต่ทั้งสองนายช่างไม่เข้าใจความหมายพวกเขาทูลว่าพวกเขาคัดลอกมาจากคัมภีร์พระเวทย์ซึ่งเป็นภาษาของพญาครุฑ ดังนั้นผู้ที่อ่านอักขระเหล่านี้ออกก็จะสามารถบังคับเรือให้บินไปได้เหมือนนก

         เนื่องจากพระสวรรณหงส์เรียนภาษาสัตว์จากพระฤๅษีพระองค์จึงอ่าน

อักขระเหล่านั้นได้หมดและสั่งให้เรือบินไปได้ตามใจชอบ ชาวเมืองนครไอยรัตน์ต่างพากันชื่นชมพระบารมีของพระโอรสที่ทรงสามารถท่องเที่ยวไปด้วยยานมหัศจรรย์

       ในเวลาต่อมา พระสุวรรณหงส์ได้เสี่ยงทายปล่อยว่าวเพื่อทำนายโชคชะตา

ของบ้านเมือง ในขณะที่ปล่อยว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นพระองค์ก็ตั้งอธิษฐานว่า "ถ้าว่าวติดลมดีก็หมายถึงในปีนี้บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองกว่าปีก่อน" แต่ก็น่าแปลกที่ว่าแทนที่ว่าวจะลอยอยู่ในพระนคร ว่าวก็ลอยไปยังเมืองของพวกยักษ์มีชื่อว่า "นครมัตตัง" ปกครองโดยพญายักษ์นามว่า "สุวรรณวิก" ผู้ซึ่งมีธิดาผู้เลอโฉมนามว่า "เกศสุริยง" พญายักษ์รักธิดามากจังกำชับให้พี่เลี้ยงทั้ง 5 คนดูแลธิดาของตนเป็นอย่างดี

          ในขณะเดียวกัน พระสุวรรณหงส์ก็เสด็จออกตามหาว่าวที่ลอยไปพันยอด

ปราสาทขององค์หญิงเกศสุริยงพอดี อาศัยมนต์วิเศษที่มีพระองค์ก็ทรงไต่ตามสายป่านว่าวขึ้นไปพบเจ้าหญิงผู้เลอโฉมได้ ทันทีที่ได้พบนาง พระองค์ก็ทรงทราบทันทีว่าสตรีผู้นี้คือเจ้าของพวกมาลัยดอกไม้สดและเป็นนางในฝันของพระองค์จึงเปิดเผยตัวเองให้เจ้าหญิงทรงทราบ แล้วทั้งคู่ก็ตกหลุมรักของกันและกันในบัดดล ทั้งสองแอบใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาอย่างลับ ๆ และนับแต่นั้นมาเจ้าชายสุวรรณหงส์ก็จะไต่สายป่ายว่าวของพระองค์ไปพบเจ้าหญิงเกศสุริยงอย่างลับ ๆ อยู่เป็นประจำ

          อย่างไรก็ตาม ชีวิตรักของทั้งคู่ก็ไม่อาจจะเก็บไว้ได้นาน เมื่อพี่เลี้ยงทั้งห้าพบ

สายป่านว่าวและชายหนุ่มอยู่กับองค์หญิงของพวกตา พวกนางมีความวิตกกังวลและเกรงกลัวความผิดที่ไม่ปกป้องเจ้านายของพวกตนตามที่พญายักษ์สั่งไว้ จึงคิดหาทางกำจัดผู้บุกรุกเพื่อไม่ให้นำความเดือดร้อนมาให้พวกตนได้อีกต่อไป

            ก่อนหน้าที่จะมาหาองค์หญิงในวันต่อมา พระสุวรรณหงส์ก็ทรงสุบินร้าย

ในคืนนั้น พระองค์ทรงสุบินว่าตกลงจาภูเขาและติดอยู่ในความมืดสนิท เมื่อตื่นจากบรรทมก็ได้หลับต่อและทรงสุบินร้ายอีก แต่คราวนี้พระองค์สุบินว่า มีหอกพุ่งเข้าแทงตรงหัวใจทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์ในทันที

         หลังจากชำระล้างพระวรกายแล้ว ก็เสด็จขึ้นเรือวิเศษบินไปยังเมืองมัตตัง

แล้วก็ไต่สายป่านว่าวขึ้นไปพบเจ้าหญิงเหมือนเช่นเคย แต่โชคร้ายที่ว่าคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนอย่างแต่ก่อน เพราะพี่เลี้ยงทั้งห้าได้ทำกับดักไว้ที่หน้าต่างในทันทีที่พระสุวรรณหงส์ปรากฏพระองค์ขึ้นที่หน้าต่างหอกยนต์ก็ลั่นเสียบพระอุระทันที เจ้าชายได้รับบาดเจ็บแต่ก็สามารถหนีขึ้นเรือกลับมาสิ้นพระชนม์ที่พระนครของตนเอง แต่ก่อนจะสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายพระองค์ก็ทรงสาบานว่าจะขอล้างแค้นองค์หญิงทุก ๆ ชาติไป ด้วยเหตุที่พระองค์ไม่ทราบว่าใครเป็นคนคิดร้ายต่อพระองค์ เจ้าชายดิ้นทุรนทุรายและสิ้นพระชนม์ด้วยความเจ็บปวด

          ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าองค์หญิงเกศสุริยงจะเป็นธิดาของพญายักษ์ผู้

โหดร้าย แต่นางก็มีจิตใจดีและอ่อนโยน นางเฝ้าคอยพระสุวรรณหงส์อยู่เป็นเวลาหลายวันแต่ก็ไม่พบว่าพระองค์จะเสด็จมานางจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง และก็ต้องแปลกใจที่พบรอยเลือด นางเกิดความสงสัยจึงตามรอยเลือดไปจนถึงป่าซึ่งลึกเขาไปจนไม่อาจจะผ่านไปได้อีกแล้ว นางมีความเศร้าโศก และเสียใจมากจนหมดสติอยู่ในป่านั้นเอง พระอินทร์ทรงรู้สึกสงสารจึงช่วยให้ฟื้นคืนสติ

           และพระอินทร์ก็ทรงช่วยแปลงร่างให้นางเป็นชาย และให้ปลอมตัวเป็น

พราหมณ์หนุ่มเพื่อที่จะได้เดินทางไปตามลำพังได้อย่างปลอดภัย และพระองค์ยังได้ประทานน้ำมันทิพย์บรรจุขวดเล็ก ๆ และศรวิเศษให้พราหมณ์แปลงอีกด้วย น้ำมันนี้สามารถใช้ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ ก่อนเสด็จกลับสวรรค์ พระองค์ยังได้ทรงแปลงร่างอีกส่วนของเจ้าหญิงเกศสุริยงให้เป็นร่างเกศสุริยงอยู่ในปราสาท เพื่อไม่ให้พญายักษ์สงสัยต่อการหายไปของธิดาเพื่อตามหาสามี

            พราหมณ์สุริยงในร่างแปลง ก็ออกเดินทางตามลำพังและมาถึงศาลาของ

ยักษ์นามว่า "กุมภัณฑ์" เมื่อยักษ์กุมภัณฑ์เห็นผู้บุกรุกก็เกิดความโกรธและต้องการจะกินนาง แต่นางก็ต่อสู้และสามารถฆ่ายักษ์ได้สำเร็จ ด้วยความสงสารนางจึงใช้น้ำมันทิพย์ชุบชีวิตยักษ์ให้ฟื้นคืนชีพ หลังจากฟื้นแล้วยักษ์กุมภัณฑ์ก็อ้อนวอนขออภัยและสาบานว่าจะเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของนางตลอดไปนางก็ยินดีและแล้วทั้งนายและบ่าวก้ออกเดินทางไปด้วยกัน เพื่อให้ถึงเมืองไอยรัตน์โดยเร็ว ยักษ์กุมภัณฑ์จึงให้นายของตนนั่งบนบ่าแล้วก็เดินทางมาจนถึงพระนคร เกศสุริยงในร่างพราหมณ์จึงบอกให้ยักษ์แปลงร่างเป็นพราหมณ์เหมือนกับตน เพื่อไม่ให้ใครสงสัย

           เมื่อมาถึงพระนคร ทั้งคู่ก็เห็นความสง่างามของเมือง แต่ผู้คนดูเศร้าโศกกัน

ไปหมดแล้วก็บอกข่าวสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายของพวกเขา ดังนั้นพราหมณ์เกศสุริยงจึงอาสาช่วยให้เจ้าชายฟื้นพระชนม์ชีพอีกครั้ง และด้วยอำนาจของน้ำมันทิพย์พระสุวรรณหงส์ก็ทรงฟื้นคืนชีพได้อีก ทั้งพระราชาและเหล่าพสกนิกรต่างก็ปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้น มีการจัดงานฉลองอย่างเอิกเกริกเป็นเวลาหลายวัน

          นับแต่นั้นมา เกศสุริยงในร่างแปลงของพราหมณ์หนุ่มโดยใช้ชื่อว่า อัมพร

ก็กลายเป็นที่โปรดปรานของพระราชาและพระราชินี เพราะเขาได้ชุบชีวิตพระโอรสให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในขณะเดียวกันพระสุวรรณหงส์ ก็มีความสงสัยในตัวพราหมณ์หนุ่มเพราะเขาดูคล้ายเจ้าหญิงเกศสุริยงมาก พระองค์จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ธาตุแท้ของพราหมณ์ผู้นี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดก็ต้องใช้แผนสุดท้าย โดยการเรียกหญิงงามที่สุดเข้ามายังพระนคร ทำทีเป็นว่าเป็นคนรักใหม่ของพระองค์ คราวนี้ปรากฏว่าเกศสุริยงในร่างพราหมณ์อัมพรเกิดอาการโกรธและอิจฉาสตรีผู้นั้น ด้วยความรู้สึกว่าตนเองถูกทรยศ จึงหนีออกจาเมืองและทิ้งพวงมาลัยดอกไม้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของนางไว้เบื้องหลัง เมื่อทอดพระเนตรเห็นพวงมาลัย เจ้าชายก็ทรงทราบทันทีว่าพราหมณ์อัมพรนั้นแท้ที่จริงก็คือองค์หญิงเกศสุริยงปลอมมานั้นเอง

          ด้วยความรู้สึกที่ทั้งดีใจและแค้นใจพอ ๆ กัน พระสุวรรณหงส์เสด็จขึ้นเรือ

วิเศษแล้วบินไปยังเมืองมัตตังแล้วก็ได้เผชิญหน้ากับพญายักษ์บิดาขององค์หญิงเกศสุริยง ทั้งคู่เกิดต่อสู้กันอย่างดุเดือด และในที่สุดพระสุวรรณหงส์ก็เป็นฝ่ายชนะพญายักษ์ พระองค์รีบเสด็จตรงไปหาองค์หญิงเกศสุริยงเพื่อล้างแค้น

           พระองค์เสด็จเข้าไปในห้อง ในขณะที่องค์หญิงเกศสุริยงและพี่เลี้ยงทั้งห้า

กำลังหลับอยู่ ก่อนจะฆ่านางพระองค์ได้อธิษฐานว่า ถ้าหากว่ารักพระองค์จริงและมีความซื่อสัตย์ต่อพระองค์แล้วไซร้ ขอให้โลหิตของนางมีรสหวานแต่ถ้าเป็นไปในทางกลับกัน ก็ขอให้โลหิตของนางมีรสขม หลังจากจบคำอธิษฐาน พระองค์ก็ตัดคอนางด้วยดาบแล้วชิมโลหิตของนางดู ปรากฏว่ามีรสหวาน เจ้าชายผู้เศร้าโศกก็ทรุดลงกับพื้นแล้วร่ำไห้คร่ำครวญเสียงดังทำให้พี่เลี้ยงสะดุ้งตื่นและก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเจ้านายของตนเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งห้านางรู้สึกเสียใจแล้วก็สารภาพผิดต่อเจ้าชาย

           ข่าวการจากไปอย่างกะทันหันแพร่ไปถึงทาสผู้ซื่อสัตย์ของนาง ซึ่งก็ไม่ใช่

ใครอื่นนอกจากยักษ์กุมภัณฑ์ ยักษ์กุมภัณฑ์รับไปทูลให้เจ้าชายใช้น้ำมันทิพย์ซึ่งพระอินทร์ประทานให้กับนายของตนไว้ และก็เป็นไปได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อน้ำมันทิพย์ถูกร่างขององค์หญิง ก็ทำให้นางฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของเจ้าชายและบ่าวผู้ซื่อสัตย์ขององค์หญิงเกศสุริยง ทั้งคู่กลับมาใช้ชีวิตคู่กันอีกครั้ง และคราวนี้จะอยู่ด้วยกันตลอดไป เจ้าชายจึงนำพระชายากลับสู่พระนครของพระองค์เอง

          ในระหว่างไปพระนครของพระองค์นั้น เจ้าชายไม่ได้ทรงใช้เรือสุวรรณ

หงส์แต่ทรงเดินทางด้วยม้าและทั้งคู่ก็มาพบยักษ์มีนามว่า วิรุณเมฆ ซึ่งเกือบจะทำร้ายพระสุวรรณหงส์อยู่แล้วถ้าหากยักษ์กุมภัณฑ์ไม่เข้ามาขัดขวาง หลังจากฆ่ายักษ์วิรุณเมฆได้สำเร็จแล้ว ยักษ์กุมภัณฑ์ต้องการเดินทางไปกับนายของตนเพื่อจะได้ช่วยปกป้องทั้งสองพระองค์ได้ แต่องค์หญิงเกศสุริยงสั่งให้เขากลับไปดูแลเมืองมัตตัง

            และแล้วทั้งสองพระองค์ก็ออกเดินทางต่อ เมื่อรู้สึกเหนื่อยก็ทรงหยุดพัก

และเผลอ หลับไป มีนางยักษ์ตนหนึ่งผ่านมาพบทั้งคู่เข้า ทันใดนั้นนางยักษ์เกิดนึกรักพระสุวรรณหงส์ผู้มีรูปร่างงามขึ้นมาทันที และผลักองค์หญิงเกศสุริยงตกลงไปในแม่น้ำ แล้วก็แปลงร่างเป็นองค์หญิงแทน โดยบรรทมเคียงคู่กับพระสวามี หลังจากตื่นบรรทม เจ้าชายก็ไม่ได้ทรงสงสัยอะไรนอกจากได้กลิ่นแปลกประหลาดจากเรือนร่างของพระชายาตน พระองค์ก็ไม่ได้บ่นเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นนี้ เพียงแต่แปลกพระทัยว่าโดยปกติชายาของตนไม่มีกลิ่นตัว ถึงแม้ว่านางจะเป็นธิดาของยักษ์ก็ตาม

           เมื่อเสด็จมาถึงพระนครของพระองค์ เจ้าชายก็พาพระชายาออกชมรอบ ๆ

เมืองและเพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์ ทั้งสองพระองค์อยู่ร่วมกันระยะหนึ่งก็ไม่เห็นมีสิ่งประหลาดอะไรเกิดขึ้น นางยักษ์ปลอมเป็นองค์หญิงพยายามซ่อนความลับว่าตนเป็นยักษ์ไว้ นางจึงกินอาหารเหมือนมนุษย์ทั่วไป อย่างไรก็ตามโดยธรรมชาติของยักษ์ก็ย่อมจะชอบกินเนื้อดิบคราวละมาก ๆ ดังนั้นกลางคืนองค์หญิงปลอมจึงแอบออกมานอกพระนครเพื่อออกจับสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร

               ในขณะเดียวกัน ยักษ์กุมภัณฑ์ก็นำม้าของพระสุวรรณหงส์มากินน้ำที่

แม่น้ำ ก็มาพบกับองค์หญิงเกศสุริยงเข้าโดยบังเอิญ จึงรีบน้ำนายของตนตรงไปยังเมืองไอยรัตน์ซึ่ง ณ ที่นั้นเองที่เกิดการเผชิญหน้ากันขึ้นระหว่างองค์หญิงตัวจริงและตัวปลอม ท่ามกลางความสับสนอลหม่านของผู้คนนั้นเอง องค์หญิงปลอมก็หนีออกจากพระนครไปแต่ก็ถูกยักษ์กุมภัณฑ์สกัดจับไว้ได้แล้วก็ฆ่านางเสียในระหว่างการต่อสู้กัน

          และแล้วทั้งสองพระองค์ก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและตอนนี้พระ

นครไอยรัตน์ก็สงบสุขปราศจากเรื่องราวร้ายแรงทั้งปวง

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง สุวรรณหงส์
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

ณัฐนภา
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
ณัฐนภา ..