ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ |
เจ้าของโพสต์นี้ นายศุภวัฒน์ คุณานุวัฒน์ จากจังหวัด จันทบุรี |
|
ไม้เด็ด!!เคล็ดลับครูดี |
โพสต์เมื่อวันที่ : 10 ก.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7048 ครั้ง คะแนนของ BLOG นี้ (44.00%-5 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย > |
|
|
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย
|
|
Advertisement
|
.....ไม้เด็ดเคล็ดลับครูดี
.....
การจะเป็นครูที่ดีและมีวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นพรสวรรค์ติดตัวมาสำหรับทุกคน หากแต่ต้องอาศัยการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ทดลองแสวงหาวิธีการใหม่ๆ มาสอนเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซากจำเจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนอยู่เสมอ ทั้งนี้และทั้งนั้นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดี และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขนั่นเอง "ชีพจรการศึกษาโลก" ฉบับนี้ขอเสนอเคล็ดลับการสอนและการเป็นครูดีในหลายๆ ประเทศมาเล่าสู่กันฟัง
เทคนิคการสอนเขียนและอ่านจากละคร
ครูประถมจาก 60 โรงเรียนทั่วมณฑลดูวาล (Duval County) ในสหรัฐเข้ารับการอบรมเทคนิคการสอนวิชาการอ่านและการเขียนที่ Schultz Center for Teaching & Leadership การอบรมนี้จะฝึกเทคนิคในการช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ให้กับบรรดาผู้บริหาร ครูใหญ่ และครูน้อย ซึ่งใช้เวลาถึง 90 ชั่วโมงในการฝึกทั้งวิธีการและสื่อการสอนใหม่ๆ โดยผู้ที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้จะไปถ่ายทอดเทคนิควิธีการสอนต่างๆ ให้แก่ครูคนอื่นๆ ในโรงเรียนที่ไม่ได้เข้ารับการอบรมด้วย มีการตั้งเป้าเอาไว้ว่าในแต่ละโรงเรียนจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งห้องเรียนที่สามารถเป็นต้นแบบ สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ครูทั้งโรงเรียนได้
ตัวอย่างของเทคนิคการสอนที่ผู้เข้าอบรมได้ทดลองฝึกสอนกันเอง ได้แก่การให้นักเรียนดูละคร เขียนคำบรรยายความรู้สึกของตัวละคร แล้วจับคู่กับประโยคจากแบบฝึกที่มีข้อความบรรยายความรู้สึก เช่น รู้สึกโดดเดี่ยว ควรคู่กับ "ไม่มีใครเล่นกับฉัน" เป็นต้น นอกจากนี้ ในการฝึกอบรมยังเปิดโอกาสให้ครูคนอื่นๆ วิจารณ์กิจกรรมในลักษณะนี้ และให้คำแนะนำจุดที่ยังบกพร่อง การอบรมนี้จะช่วยส่งเสริมให้ครูมีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งในอีกไม่ช้าคาดว่าจะมีการอบรมหมดทั้งโรงเรียน
ฝึกคิดด้วยวิธีการทางปรัชญา
ในช่วงเช้าของสัปดาห์ๆ ละสามวัน นักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา จะมาโรงเรียนกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อมาถกประเด็นเกี่ยวกับความคิดของนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น เพลโต อริสโตเติล กับครูของพวกเขา โดยใช้วิธีการทางปรัชญา ซึ่งเป็นการโต้ตอบกันด้วยตรรกะและถามเป็นเหตุเป็นผลเชิงนามธรรม ที่เด็กนักเรียนเหล่านี้จะต้องอ่านหนังสือมาล่วงหน้าและต้องเขียนรายงานแสดงความเห็นส่งด้วย แต่กิจกรรมนี้ไม่มีการนับหน่วยกิตแต่อย่างใด
เฮเลน่า โนเบิลส์-โจนส์ ครูใหญ่ผู้ริเริ่มกิจกรรมนี้ขึ้นมากล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยให้นักเรียนเกิดความตื่นตัวทางความคิดและพร้อมที่จะเรียนรู้ในแต่ละวัน ทั้งนี้ เธอเห็นว่าการสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์และวิจารณ์เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการให้การศึกษา
"สิ่งที่มีค่าที่สุดของตรรกวิธีเชิงปรัชญา คือ การทำให้เด็กเรียนรู้ที่จะคิด" เฮเลน่า กล่าว
หลายคนพอเอ่ยชื่อวิชาปรัชญาแล้วอาจเมินหน้าหนี แต่แท้จริงแล้วการเรียนปรัชญาไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อเลย สิ่งที่น่าเบื่อมากกว่าคือวิธีการสอนของครู ในหลายปีที่ผ่านมา บางโรงเรียนพยายามเปลี่ยนวิธีการสอนปรัชญาในรูปแบบใหม่
"การเรียนปรัชญาจะช่วยให้นักเรียนรู้จักคิดไตร่ตรองมากขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับความเครียด ความเหงา และความสับสน ในขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านและมีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะอยู่กับลูก ทำให้เด็กวัยรุ่นเรียนรู้ค่านิยมผิดๆ มากมาย" เฮเลน่า กล่าว
นักเรียนที่เข้าร่วมห้องถกปรัชญานี้แสดงความเห็นว่า เขามีมุมมองใหม่เกี่ยวกับวิธีที่คนคิด และแสดงออก แทนที่จะด่วนสรุปเกี่ยวกับคุณค่าของบุคคล
"วิธีการเชิงปรัชญาช่วยทำให้คนเรามีจิตใจกว้างขึ้น" นักเรียนรายหนึ่งกล่าว
กระดานมหัศจรรย์ช่วยสอน
เทคโนโลยี video conference กำลังช่วยให้นักเรียนยุคใหม่ได้เรียนภาษาต่างประเทศจากเจ้าของภาษาโดยตรง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาและค่าเดินทางอีกต่อไป โดยโรงเรียนมัธยมยาร์เมาท์ (Yarmouth High School) ในประเทศอังกฤษ ได้เริ่มนำ "กระดานมหัศจรรย์" (interactive whiteboard) มาใช้เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน
ลักษณะของกระดานที่ว่านี้คือ นอกจากจะใช้เขียนได้แล้วยังสามารถเชื่อมติดต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ด้วย ส่วนการเขียนก็เหมือนกับกระดานดำโดยทั่วไป จุดเด่นคือกระดานนี้เปรียบเสมือน "หน้าต่างโลก" สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนกับอินเตอร์เน็ต ข้อดีของเทคโนโลยีใหม่นี้คือ จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เช่น หากสอนเรื่องเกี่ยวกับระบบสุริยะ ก็จะปรากฏภาพสดจากองค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกา หรือในวิชาประวัติศาสตร์ จะมีภาพเกี่ยวกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ในยุคนั้นๆ ประกอบอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างไร เพราะผู้บริหารของโรงเรียนเองยังยอมรับว่า คุณภาพของการเรียนการสอนนั้นคงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูเป็นหลัก เทคโนโลยีเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่เข้ามารองรับเท่านั้น
เทคนิควิธีการจัดการกับเด็กขี้อาย
|
ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาได้เปิดรับปรึกษาปัญหาการเรียนการสอนทางเว็บไซต์ ซึ่งเปิดให้บรรดาครูเข้ามาเขียนคำถามเอาไว้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาตอบให้ "ชีพจรฯ" ขอเลือกหยิบมานำเล่าสู่กันฟังสักตัวอย่างหนึ่ง เป็นคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเด็กขี้อายในชั้นเรียน ถ้าหากท่านใดสนใจเรื่องอื่นๆ เข้าไปอ่านต่อได้ที่เว็บไซต์ http://www.mcmaster.ca/teaching_tips
ในห้องเรียนหนึ่งๆ มักจะมีนักเรียนทั้งที่กล้าคิดกล้าพูดและนักเรียนที่ขี้อายไม่กล้าแสดงออกปะปนกันไป แต่ครูจะทำอย่างไรเพื่อที่จะสร้างการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนให้กับนักเรียนทุกคน
เคล็ดลับในการที่จะสร้างการมีส่วนร่วมอย่างมีชีวิตชีวาในชั้นเรียนนั้น ต้องพยายามสร้างสถานการณ์ที่ทำให้นักเรียนรู้สึกอยากมีส่วนร่วม โดยมีวิธีการดังนี้
ไม่รีบร้อนแก้ข้อบกพร่องหรือแก้คำผิดให้กับนักเรียนเร็วเกินไป เมื่อนักเรียนผิดพลาดในการเรียน เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้การเรียนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และนักเรียนไม่เสียความมั่นใจ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ช่วยแก้กันเอง แต่ถ้าไม่มีการแก้ไขกันเองในหมู่นักเรียนครูจะช่วยแก้ไขให้เมื่อจบจากชั่วโมงนั้นแล้ว
เมื่อนักเรียนที่พูดเก่งตอบคำถาม ครูควรจะถามนักเรียนคนอื่นๆ ที่ขี้อายบ้าง ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะตอบคำถามหลังจากเพื่อนตอบได้ดีกว่าที่จะตอบกับครูเป็นคนแรก
สร้างการมีส่วนร่วมจากนักเรียนขี้อายที่อาจมีความรู้ดีในเรื่องบางเรื่อง เช่น ถ้าสอนเรื่องภาคเหนือก็อาจจะให้นักเรียนที่มาจากภาคเหนือเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ฟัง เพราะถ้านักเรียนมีพื้นหลังมาก่อนก็จะรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากขึ้น
พยายามเรียนรู้ที่จะอ่านสัญญาณจากนักเรียนขี้อายเมื่อเขาพร้อมที่จะตอบคำถามของครู เช่น การประสานตา อ่านความรู้สึกจากสีหน้า หรือภาษาท่าทาง ที่เป็นสัญญาณแสดงว่านักเรียนพร้อมจะเข้าร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน
Advertisement
|