หน้าแรก | ครูบ้านนอกบล็อก
ศูนย์รวมความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ของคุณครู สมาชิกเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำเพื่อสังคมครับ
เจ้าของโพสต์นี้
นายหนูเหลี่ยง ชิณแสน
จากจังหวัด บึงกาฬ

ระห่ำพิชิตภูเขาไฟ "ฟูจิ"
โพสต์เมื่อวันที่ : 6 ก.ค. 2552 IP : เปิดอ่าน : 7045 ครั้ง
คะแนนของ BLOG นี้
(40.00%-5 ผู้โหวต)
☰แชร์เลย >  
  Share on Google+   LINE it!  
เพิ่มเพื่อน
ไม่พลาดข่าวการศึกษา
ครูบ้านนอก Line Official
กดเพิ่มเพื่อนเลย

Advertisement

.....

           ระห่ำพิชิตภูเขาไฟ "ฟูจิ"



"ฟูจิซัง" สัญลักษณ์ที่สื่อถึงประเทศญี่ปุ่น
       สัญลักษณ์ที่มักใช้สื่อถึงประเทศญี่ปุ่นนอกจากดอกซากุระอันอ่อนหวานแล้ว ภาพของภูเขาสูงรูปทรงสวยงามมีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่สื่อถึงดินแดนอาทิตย์อุทัยได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือภาพของ "ฟูจิซัง" (Fujisan) หรือ "ภูเขาไฟฟูจิ" ภูเขาที่สูงเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น คือมีความสูง 3,776 เมตร (สูงกว่าดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบ้านเรา 1,211 เมตรด้วยกัน)
       
       ภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยามานาชิและจังหวัดชิซึโอกะ หรือทางตะวันตกของโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากวันไหนท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆหมอก เราก็จะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้จากโตเกียวเลยทีเดียว อีกทั้งรอบๆภูเขาไฟยังมีทัศนียภาพอันงดงาม โดยบริเวณลาดเขาทางด้านเหนือจะมีทะเลสาบอยู่ 5 แห่ง ด้วยกัน (Fuji Five Lake) ได้แก่ ทะเลสาบคาวางุจิโกะ ยามานากาโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ และไซโกะ

งดงามทุกฤดูกาล
       ภายนอกแม้จะดูสงบนิ่ง แต่ภูเขาไฟฟูจิก็ยังไม่ดับสนิทเต็มที่ และถูกจัดให้อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ โดยการระเบิดครั้งล่าสุดนั้นเกิดเมื่อ พ.ศ.2250 หรือเมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว
       
       แม้ภาพที่คุ้นตาของภูเขาไฟฟูจิจะเป็นภาพภูเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอด แต่ก็ใช่ว่าจะมีหิมะปกคลุมอยู่อย่างนั้นตลอดปี เพราะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นนั้น หิมะบนยอดเขาก็จะละลาย สภาพอากาศไม่รุนแรง อีกทั้งช่วงนี้ยังเป็น "ฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิ" ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถขึ้นไปเยี่ยมเยือนภูเขาไฟฟูจิกันได้ถึงยอดเขาริมปากปล่องภูเขาไฟกันเลยทีเดียว แต่หากเป็นช่วงฤดูอื่นก็จะเที่ยวได้เพียงบางชั้น หรือต้องมีการขออนุญาตปีนขึ้นภูเขากันเป็นกรณีไป

นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาพิชิตภูเขาไฟฟูจิ
       ชาวญี่ปุ่นถือว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องพยายามหาโอกาสปีนไปให้ถึงยอดภูเขาไฟฟูจิ หรือขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนภูเขาไฟฟูจิให้ได้ ซึ่งก็ไม่เพียงแค่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ชื่นชอบการปีนเขารวมแล้วกว่า 200,000 คน มาปีนภูเขาไฟฟูจิกันในแต่ละปี
       
       ฟังมาถึงตรงนี้ชักเริ่มอยากไปลองสัมผัสกับการปีนภูเขาไฟฟูจิกันแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นต้องไปเตรียมร่างกายกันไว้ให้พร้อมก่อน เพราะการเดินขึ้นให้ถึงยอดฟูจินั้นใช้เวลา 5-8 ชั่วโมงด้วยกัน คนที่ไม่คุ้นชินกับการป่ายปีนเขาก็ควรออกกำลังฟิตร่างกายเอาไว้ก่อนเดินทาง อีกทั้งบนยอดเขานั้นมีออกซิเจนเบาบาง ซึ่งจะทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก จึงควรตรวจเช็คสภาพร่างกายของตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็สำคัญ ควรเตรียมรองเท้าที่ใส่สบายและเหมาะกับการปีนเขา สภาพดีไม่ปากอ้าขณะเดินทาง ส่วนเสื้อผ้านั้นก็ควรเป็นแบบน้ำหนักเบา แต่ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวและกันลมไว้ใส่ด้วย เพราะแม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศบนยอดเขานั้นหนาวเหน็บและลมแรงมากอีกด้วย

ปากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่
       และหากอยากจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา ก็ต้องเตรียมไฟฉายคาดหัวไว้ขณะปีนเขาตอนกลางคืนด้วย นอกจากนั้นแล้วก็เสบียงอาหารแล้วแต่จะอยากเอาอะไรไป แต่ก็อย่าให้หนักจนอยากจะเหวี่ยงเป้หลังทิ้งกลางทางก็แล้วกัน แต่จริงๆแล้วตามจุดแวะพักตามเส้นทางปีนเขาก็จะมีร้านอาหารให้บริการ แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
       
       เอาล่ะ...คราวนี้ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลยดีกว่า! ภูเขาไฟฟูจิมีทั้งหมด 10 ชั้นด้วยกัน โชคดีที่ไม่ต้องเริ่มต้นปีนกันตั้งแต่ตีนเขา เพราะรถสามารถขึ้นมาบนภูเขาไฟฟูจิได้จนถึงชั้นที่ 5 เท่ากับว่าเหลือระยะทางที่ต้องเดินอีกประมาณไม่เกิน 1,500 เมตร แต่ด้วยทางเดินที่ซิกแซกไปตามไหล่เขาเพื่อลดความลาดชัน ก็ทำให้ระยะทางจริงที่ต้องเดินนั้นมากกว่า 1,500 เมตรอยู่ไกลโข

แสงแรกแห่งวันบนภูเขาไฟฟูจิ
       ที่ชั้น 5 นี้ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก ซึ่งก็มีทั้งขนมที่ทำเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ รวมไปถึงอากาศจากยอดเขาฟูจิอัดกระป๋องขายก็ยังมี สำหรับคนที่มาเที่ยวเฉยๆไม่ได้ตั้งใจปีนให้ถึงยอดก็จะมาเที่ยวกันที่ชั้นนี้และซื้อของฝากกลับไป
       
       แต่สำหรับคนที่จะเดินกันต่อไปถึงยอดเขาก็มักจะซื้อไม้ค้ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยในการป่ายปีนหรือเอาไว้ค้ำยันยามหมดเรี่ยวหมดแรง อีกทั้งยังสามารถเป็นของที่ระลึกสำหรับตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะตามจุดแวะพักของแต่ละชั้นนั้นจะมีการประทับตราบนไม้ค้ำเป็นที่ระลึกให้ด้วย
       
       ส่วนมากแล้วหลายคนมักจะเริ่มต้นปีนเขากันในช่วงเย็นๆหรือค่ำๆ เพื่อจะได้ไปถึงยอดเขาในช่วงเช้ามืดเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นได้พอดี ทางเดินในช่วงแรกๆ นั้นจะยังพอมีสีเขียวๆของต้นไม้ใบหญ้าให้เห็นกันบ้าง แต่เมื่อเดินสูงขึ้นๆ พื้นดินจะกลายเป็นหินกรวดภูเขาไฟที่ทำให้เหนื่อยแรงเวลาเดินพอสมควร
       
       สภาพอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บางช่วงจะมีฝนโปรยลงมา บางช่วงต้องเดินผ่านกลุ่มเมฆหมอกชื้นๆ ส่วนอุณหภูมิก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น และที่แน่ๆคือเรี่ยวแรงก็จะเริ่มน้อยลงๆด้วยเช่นกัน แต่หากหยุดพักแล้วมองไปรอบๆ ตัวก็จะมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามแบบเหนือเมฆจากบนภูเขาไฟฟูจิที่อาจทำให้หายเหนื่อยได้

ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
       บนภูเขาไฟฟูจินี้เราก็จะได้เห็นเสาโทริ หรือประตูทางเข้าของวัดหรือศาลเจ้าในศาสนาชินโต ซึ่งก็เปรียบเหมือนประตูสวรรค์ เหตุที่มีเสาโทริอยู่บนภูเขาไฟนั้นก็เพราะบนยอดภูเขาไฟฟูจินั้นมีวัดตั้งอยู่นั่นเอง
       
       บริเวณจุดแวะพักที่ชั้น 7-9 นั้นจะมีที่พักตามจุดแวะพัก ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะบางแห่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่ซุกหัวนอนจริงๆ เพราะหน้าตาของที่นอนซึ่งทำเป็นสองชั้น มีหมอนหนุนใบไม่ใหญ่นักวางเรียงชิดกัน ซึ่งขนาดความกว้างของหมอนนั้นก็คือขนาดของพื้นที่ที่แต่ละคนจะได้ใช้นอนกันนั่นเอง แถมผ้าห่มก็ต้องห่มด้วยกันอีกต่างหาก แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครบ่น เพราะขอแค่ได้นอนพักซัก 2-3 ชั่วโมงให้มีเรี่ยวแรงคืนมาก็พอแล้ว แถมที่นี่ยังมีบริการปลุกในตอนเช้ามืดเพื่อให้ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกันอีกด้วย
       
       พอได้เวลาประมาณ 4 นาฬิกา ก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอย พระอาทิตย์พระเอกของงานก็เริ่มจะส่งแสงแรกแห่งวันสาดส่องออกมา นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ปีนขึ้นไปจนถึงยอดแล้วก็จะปักหลักนั่งชมหรือถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ส่วนคนที่กำลังปีนป่ายก็จะหยุดยืนชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเหมือนมีมนต์สะกด และเมื่อพระอาทิตย์อวดโฉมออกมาให้เห็น ก็จะได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น

เสาโทริบนภูเขาไฟฟูจิ
       พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วความเหน็บหนาวก็เริ่มจางหาย พร้อมกับที่เราสามารถเดินชมสิ่งต่างๆบนยอดเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นวัดบนยอดเขา ที่สามารถเข้าไปขอพรหรือเสี่ยงเซียมซีกันได้ หรือจะชมปากปล่องภูเขาไฟที่มีขนาดมโหฬารและลึกนับร้อยเมตร มองเห็นชั้นหินของภูเขาไฟได้ หากใครอยากเดินชมให้รอบปากปล่องก็จะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วด้านบนนี้ก็ยังมีสถานีตรวจวัดสภาพอากาศอยู่ด้วยเช่นกัน
       
       แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสักเพียงใด แต่ความภาคภูมิใจของการได้พิชิตภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ชมแสงแรกของพระอาทิตย์ในดินแดนอาทิตย์อุทัย ก็เชื่อว่าหลายคนคงยอมเหนื่อย เพราะความประทับใจที่ได้รับจาก "ฟูจิซัง" นั้นมีมากมายเสียเหลือเกิน
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       สอบถามรายละเอียดและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเอกสาร แผนที่ของสถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งแนะนำที่พักในญี่ปุ่น โทรศัพท์ 0-2233-5108, 0-2235-3321

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดย : แมวลาย

Posted by : applevip       ขอบคุณhttp://blog.eduzones.com/applezavip/27124

Advertisement


เรื่องน่าสนใจจากสมาชิกท่านอื่น
 

ไม่มีความเห็น
เกี่ยวกับเรื่อง ระห่ำพิชิตภูเขาไฟ "ฟูจิ"
 
 


 
เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้

นายหนูเหลี่ยง ชิณแสน
เจ้าของบล็อกนี้
Advertisement
Advertisement
เรื่องราวล่าสุด ของ
นายหนูเหลี่ยง ชิณแสน..