* ควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าท่ผู้ให้การบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมถึงการดูแลช่วยเหลือ และเฝ้า
ระวังเมื่อลูกหลานผ่านการบำบัดฟื้นฟูแล้ว
* ควร ช่วยเหลือ ดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด เช่นดูแลให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
หลีกเลี่ยงการมีกิจกรรมที่อาจกระตุ้นความหงุดหงิด ก้าวร้าว และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ช่วยให้มีการกลับไปติดซ้ำ โดยหา
วิธการเบี่ยงเบนความเห็นใจจากการใช้ยา เช่น ออกกำลังกาย จัดกิจกรรมที่สนับสนุน ผ่อนคลาย เป็นต้น
* ควร รับฟังปัญหาและความรู้สึก และชื่นชชมความพยายามของลูกหลานที่ตั้งใจเลิกเสพ/ติดยาเสพติด
เพื่อให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งระหว่างการบำบัดรักษา ฟื้นฟู ตลอดจนเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด หลังการบำบัด
ฟื้นฟู
อย่างไรที่ไม่ควรทำ
* ไม่ควร ดุด่าว่ากล่าว หรือใช้คำตำหนิอย่างรุนแรง เฆี่ยนตี เมื่อรู้หรือเห็นว่าลูกหลานเสพ/ติดยาเสพติด
* ไม่ควร แสดงท่าที หรือใช้คำพูดที่แสดง คือ ความหวาดระแวง ว่าลูกหลานจะกลับไปเสพยาเสพติด
* ไม่ควร รื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือรื้อฟื้นเรื่องท่ลูกหลานไปติดยา
* ไม่ควร ใช้อารมณ์ หรือวิพากษ์วิจารณ์ ลูกหลานในทางที่ไม่ดี
* ไม่ควรเปรียบเทียบลูกหลานของตนกับลูกหลานคนอื่น เพราะจะทำให้ลูกหลานเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี
* ไม่ควร รังเกียจผู้มีพฤติกรรมเสพ/ติดยาเสพติด และควรเข้าใจในสภาวะการนำไปสู่การเสพ/การติดยาเสพติด
ทุกครอบครัว ควรปฏิบัติอย่างไร?
* ควรให้การช่วยเหลือ ครอบครัวที่ลูกหลานเสพ/ติดยาเสพติด ให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้ที่เลิกเสพ/ติดยาเสพติด
เข้ามาพักอาศัย หรือดูแลอย่างใกล้ชิด หากครอบครัวของเรามความเข้มแข็งที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมชุมชนได้
* ควร ร่วมมือกับครอบครัวอื่น ๆ เพื่อร่วมดำเนินการสร้างเครือข่ายระหว่างครอบครัวกับชุมชน เพื่อสร้าง
บ้านจำลองในชุมชนขึ้นทั้งนี้ จะได้นำผู้เสพ/ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้ว เข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้านจำลองพร้อม
กับครอบครัวของตน และครอบครัวอาสาผลัดเปลี่ยนกันดูแลและเรียนรู้การทำหน้าท่ของครอบครัวที่ดีก่อนกลับสู่สังคม
* ควรให้กำลังใจ ช่วยเหลือครอบครัวที่มีลูกหลานเสพ/ติดยาเสพติด และผ่านการบำบัดรักษาฟื้นฟูแล้ว เช่น
อาจช่วยพัฒนาเรื่องอาชีพ หรือการส่งเสริมให้มีอาชีพ เป็นต้น
|